วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สวัสดีปีใหม่ 2557

เป็นโอกาสดีในปีใหม่นี้ที่จะได้ศึกษาเพื่อหาหนทางในการอยู่อย่างมีความสุข โดยปราศจากการดิ้นรนต่อสู้

Can Goodness, Love and Truth Be Born of Discipline?

4th Public Talk at Saanen, 1979

 


null
ที่ website ข้างล่าง มี subtitles เป็นภาษาไทยด้วยครับ
http://www.jkrishnamurti.org/krishnamurti-teachings/view-video/can-goodness--love-and-truth-be-born-of-discipline-full-version.php1
ขอให้ทุกท่านประสบความสุขในวันปีใหม่

ศึกษาเพิ่มเติมที่ 
J.Krishnamurti Online


วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ย้อนไปฟัง ปาฐกถา-70-ปี-ชาญวิทย์-เกษตรศิริ เมื่อ 7 พฤษภาคม 2554

ย้อนกลับไปฟัง ปาฐกถา 70ปี ของ อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ผู้เคยแปล โจนาธาน นกนางนวล
อาจจะเมีมุมมองบางประการเกี่ยวกับปรากฏการณ์ ในปัจจุบันบ้าง

รูปจาก http://www.charnvitkasetsiri.com/224259_1809681361987_1238579054_31872860_229477_n.jpg

"ชุมนุมปาฐกถา 70 ปี ชาญวิทย์ เกษตรศิริ"
วันเสารที่ 7 พฤษภาคม 2554
ณ หอประชุมศรีบูรพา (หอประชุมเล็ก)
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

พิธีเปิด อธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์
http://www.youtube.com/watch?v=S9hegIRsAIA

10.00 - 11.00 น. ----- อ.ผาสุก พงษ์ไพจิตร "เศรษฐศาสตร์ (ของ) การเมืองไทย"
http://www.youtube.com/watch?v=qvcEEma0X68

11.00 - 12.00 น. ----- อ.เกษียร เตชะพีระ "ธรรมรัฐ/ธรรมาภิบาล: จากไอเอ็มเอฟสู่ใต้ร่มธรรมราชา"
http://www.youtube.com/watch?v=_Ir8rVNhDLk

13.00 - 14.00 น. ----- อ.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ "สิทธิเสรีภาพ 'หลังทักษิณ' "
http://www.youtube.com/watch?v=K32LgXxAGkM

14.00 - 15.00 น. ----- อ.ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ "ยุคเปลี่ยนผ่านวรรณกรรมไทย วรรณกรรมไทยยุคเปลี่ยนผ่าน"
http://www.youtube.com/watch?v=W1fuS_zlOvs

15.00 - 16.00 น. ----- อ.ธงชัย วินิจจะกูล "มรดกสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปัจจุบัน
http://www.youtube.com/watch?v=po9GAti-6_I

สรุปโดยประชาไท
http://prachatai.com/category/ชุมนุมปาฐกถา-70-ปี-ชาญวิทย์-เกษตรศิริ

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เสวนาที่น่าฟัง ในยามนี้ ยามที่มีคนสับสนมากๆ

ยามนี้ลองฟังความคิดแบบต่างๆ จากหลายมุมดู ฟังอย่างใคร่ครวญ
ใคร่ครวญในขณะที่มีความรู้สึกตัว ไร้มโนธรรม

การเสวนา มวลมหาประชาชนกับประชาธิปไตยแบบไทยๆ
โดย พิภพ อุดมอิทธิพงศ์, ภัควดี วีระภาสพงษ์, จณิษฐ์ เฟื่องฟู, ภาณุวัฒน์ พันธุ์ประเสริฐ
ดำเนินรายการโดย ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2556 เวลา 17.00-18.30 น. ที่ Book Re:public
 www.facebook.com/BookRepublicChiangMai
 www.bookrepublic.org




วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

25 พฤศจิกายน 2556 วันต่อต้านและยุติการใช้ความรุนแรงในสตรี

http://www.unwomen.org/en/news/in-focus/end-violence-against-women

วันต่อต้านและยุติการใช้ความรุนแรงในสตรี

รูปภาพจาก http://www.brandbuffet.in.th/2013/11/women-against-abuse-marie-claire/
มนุษยชาติ ที่แตกต่างกัน อยู่ร่วมกัน ทำร้ายกัน
ความรุนแรงเป็นเครื่องบ่งชี้ ภายในใจของเราที่แสดงออกผ่านกายนี้
ในใจที่อ่อนแอ ไม่อดทน ไม่กล้าหาญ ไร้เมตตาและความปรารถนาดี
มนุษย์ทำต่อกันและกัน

ด้วยความเคารพต่อสรรพชีวิต ขอให้สรรพธาตุรู้ทั้งมวลโปรดสัมพันธ์กัน
ด้วยสติ เมตตา ขันดิ และปัญญา เพื่อนำพาสรรพชีวิตไป
ความรุนแรง และการกำจัดทิ้ง เริ่มจากภายในใจ ใจของเราเอง
ขจัดไปให้หมดสิ้นได้เริ่มจากใจเราครับ ใจที่มี สติ เมตตา ขันติ และปัญญา

ด้วยความระลึกถึง ผีเสื้อทั้งสาม ใน โดมินิกัน
อ่านประวัติของเธอได้จาก WikipediA ครับ Mirabal sisters

รูปภาพจาก http://prachatai.com/journal/2010/11/32033
อ่านเพิ่มเติมที่

มิใช่เพียงความรุนแรงต่อสตรี แต่คืออาชญากรรมรัฐที่กระทำต่อผู้ “ไม่จงรักภักดี”

โดย สุภัตรา ภูมิประภาส 

 WomenAgainstAbuse ทำรอยช้ำใต้ตารณรงค์หยุดทำร้าย “ผู้หญิง"

Big Read -In the Time of the Butterflies- Part 1 of 2



Big Read -In the Time of the Butterflies- Part 2 of 2


วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เรียนรู้จากเสวนา หนังสือการเมืองเล่มเล็กภายหลังการปฏิวัติ 2475


เสวนา หนังสือการเมืองเล่มเล็กภายหลังการปฏิวัติ 2475
โดย ณัฐพล ใจจริง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556 เวลา 16.00-18.00 น. ที่ Book Re:public

ช่วงแรกเล่าเรื่องหนังสือต่างๆ และโรงพิมพ์ รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องในยุคก่อนและหลังการปฏิวัติ
น่าสนใจมากสำหรับคนรักหนังสือ
ช่วงหลังจะเห็นพัฒนาการทางความคิดการเมือง ของสังคม ที่ผ่านทางหนังสือการเมื่องเล่มเล็กที่เป็นส่วนหนี่ง







ดร.ณัฐพล ใจจริง

ประวัติการศึกษา                          
2536 เกียรนิยมอันดับ 2  รัฐศาสตร์บัณฑิต  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  
2537 การปกครอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2553 ปริญญาดุษฎีบัณฑิต  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประวัติการทำงาน
อาจารย์  คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 

ทำความรู้จัก "ณัฐพล ใจจริง" - "จากหนอนหนังสือเก่า สู่เงาเสียงจอมพล ป."
ปาฐกถาปรีดี พนมยงค์ ประจำปี 2556
"ชีวประวัติของพลเมืองไทย : กำเนิดพัฒนาการและอุปสรรคกับภาระกิจการปกป้องประชาธิปไตย (2475 - ปัจจุบัน)"


วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ความทรงจำระยะสั้น จินตนาการ และการตั้งคำถาม




เมื่อวานได้ทบทวนถึงความทรงจำระยะสั้น ในการสนทนากับอาจารย์วิ เราสนทนากันว่าบางครั้งเราไม่สามารถจดจำสิ่งที่เราพึ่งผ่านมาได้ คล้ายกับเราไม่ได้ตั้งใจจะจดจำ หรือบางครั้งเราไม่ได้ใส่ใจจำมัน ครั้นจะเรียกคืนสิ่งนั้นมาก็ไม่สามารถใช้งานได้
ความทรงจำเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของสมอง ระยะสั้น ระยะยาวมีที่เก็บและส่วนของสมองที่ใช้งานไม่เหมือนกัน การบริหารสมองทุกส่วนเป็นเรื่องจำเป็น การฝึกเพื่อให้ความทรงจำยังสามารถใช้งานได้ยังเป็นความจำเป็นเมื่อต้องใช้งานสมอง ผมได้ความคิดว่าเราต้องฝึกความทรงจำระยะสั้นด้วยสติ มันเป็นเรื่องของสติโดยแท้ ให้รู้ตัวในสิ่งที่ทำ รู้ทุกขณะการกระทำ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ผลประการใดจะมารายงานให้ทราบต่อไป
จากความทรงจำระยะสั้นเราสนทนากันเรื่องของสมองไปถึงการจินตนาการ ซื่งปัจจุบันผมอายุ ๖๑ ปี จินตนาการของผมติดกรอบ ไม่ได้นึกฝันอะไรอีกแล้ว มีแต่ติดกับความเป็นจริงมากเกินไป จินตนาการบางครั้งไม่ต้องกาารกรอบของความจริง เมื่อติดกับความจริงจินตนาการไม่ทำงานอย่างนั้นหรือ ผมคิดว่าความงามและความดีที่พอเหมาะกับความจริงนั้นจะสร้างดุลยภาพให้จินตนาการได้ ด้วยความจริงมักบีบคั้นเสมอ ด้วยมันไม่มีอยู่จริง เปลี่ยนแปร ยึดถือไม่ได้ แต่ความดีนั้นจะเกื้อกูลให้สรรพสิ่งและความงามจะทำให้ความปรารถนาความชื่นชมเดินไปตามมรรคาของมัน ชีวิตจึงสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์แม้จะรู้ว่าสิ้นสุดของการเกิดคือการตาย ผมทบทวนเรื่องนี้(จินตนาการ)แล้วให้เกิดกำลังแห่งจินตนาการใหม่ ย้อนดูสิ่งที่สร้างในหลักสูตรฝึกอบรม สิ่งที่สร้างสรรค์นั้นล้วนเป็นไปเพื่อความงาม ความดี โดยมีความจริงเป็นสื่อสร้างสรรค์
ผมยังโยงจินตนาการเข้ากับการตั้งคำถาม จากประสบการณ์ของผม หากไม่มีความปรารถนา แต่มีคำถามดีๆ เราจะเกิดการสร้างสรรค์ได้ คำถามที่ว่า Soft-side Management นั้นสร้างให้ฝังในองค์กรได้อย่างไร คำถามนี้จะต่อกับประสบการณ์เดิมเพื่อสร้างเป็นแผนการฝัง Soft-side Management เริ่มจากเราจะเอาทีมไหนมาวางกลยุทธ์ ทำแผนงาน ขับเคลื่อน ซึ่งเป็นเรื่องการสร้างสรรค์งานที่มี คน และเงินมาเกี่ยวข้อง มีสิ่งที่มองไม่เห็น เวลา ความปรารถนา ความเชื่อมั่น ความพยายาม ความรู้ ความต่อเนื่อง และอื่นๆ
การตั้งคำถามไม่จำเป็นต้องตามด้วยการตอบคำถามเสมอไป อาจตอบคำถามด้วยคำถามและการปฏิบัติที่มีการสังเกตุและเรียนรู้เป็นเครื่องพาไป
ใน Harvard Business School สิ่งที่เขาพยายามสอนเป็นพื้นฐานคือการตั้งคำถามที่ถูก ผมคิดว่าการตั้งคำถามทึ่ถูกเป็นสิ่งที่กำหนดทิศทางของความคิด ถ้าเราตั้งคำถามผิดทิศทางผิด เราอาจหลงทางและเสียเวลา
ทั้งความทรงจำระยะสั้น จินตนาการ และการตั้งคำถาม นำมาซึ่งการเรียนรู้ได้เพียงแต่เราพร้อมจะเรียนรู้ ครูจะปรากฎอยู่ต่อหน้าเรา สรรพสิ่งเป็นครูเสมอเมื่อเราสัมผัสด้ยจิตที่ละเอียด อ่อนโยน นุมนวล นอบน้อมและยอมรับสิ่งที่ปรากฎตรงหน้าตามความเป็นจริง เราจะเห็นความงาม และความดีปรากฎเสมอ นั่นคือความเมตตา และกรุณาของธรรมชาติ
ด้วยจิตนอบน้อม

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

ความสุข

โรม 15:13
“ขอพระเจ้าแห่งความหวังโปรดให้ท่านบริบูรณ์ด้วยความชื่นชมยินดีและสันติสุขในความเชื่อเพื่อท่านจะได้เปี่ยมไปด้วยความหวังโดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์”

จาก http://www.prasanya.org/index.php/2013-02-14-03-16-44/200-ความสุข

 ดร.เทียม โชควัฒนา อดีตประธานกรรมการเครือสหพัฒน์ ว่า "ชีวิตของคนที่เคยทำงานต่างๆ นั้น เปรียบดั่งต้นไม้นานาพันธุ์ บางพันธุ์ก็โตช้า บางพันธุ์ก็โตเร็ว เราต้องมีความอดทนในการสร้างคน แม้จะต้องใช้เวลา 10 ปีก็ยินดี ปลูกต้นไม้ใหญ่ใช้เวลานับ 100 ปี สร้างคนดีใช้เวลา 10 ปี"
จาก http://www.doctor.or.th/article/detail/5572
ความสุข จากหมอชาวบ้าน
ไปท่องเที่ยวค้นหาความสุขแบบต่างๆ
องค์กรแห่งความสุข ด้วยความสุข 8 ประการ
Instant Happiness ความสุขฉับพลัน 

ความสุขแบบคริสเตียน

 ว่าด้วยความสุข ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์

โลกมีความสุขแบบต่างๆ มากมาย สุขจึงเป็นสิ่งที่เกิดตามความเชื่อเช่นนั้นหรือ ยังมีหลักความเชื่อตามศาสนาอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งหลักตามจารึตประเพณีที่ต่างกันในแต่ละที่

 
ไปชมและอ่าน ประวัติของความสุข

ศึกษาดูแล้วเลือกเชื่อเอาเองนะครบ

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

เรียนรู้จากชีวิตผู้กล้า ประมวล เพ็งจันทร์

จาริกเพื่อชีวิต ประมวล เพ็งจันทร์ กล่้าวไว้ว่า อุปสรรคคืออุปกรณ์ที่ทำให้เข้าถึงชีวิต
รู้ความหมายของชีวิต สัมผัสผ่านความเพียรพยายามที่ทำเอง


ความสะเทือนใจ สั่นสะเทือนโลกธาตุได้ รู้สึกได้ อธิบายไม่ได้ ยกตัวอย่างที่ดีทำให้สัมผัสผ่านได้ แต่ต้องไปเพียนพยายามเองจได้พบเอง

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

ชีวิตนี้งามงดและสดชื่น

ขอบคุณรูปภาพจาก
http://www.phanpha.com/sites/default/files/imagecache/product_full/book06/8858720701569.JPG

ชีวิตแท้ งามงดและสดชื่น
PURE LIFE IS SPLENDID AND REFRESHING
ชีวิตเหลือ แต่ความเย็น เป็นนิพพาน

ชีวิตแท้   งามงด   และสดชื่น
ไม่มีฝืน   ไม่มีหวั่น   ไม่สั่นเสียว
ไม่มีสิ่ง   หลงรัก   สักสิ่งเดียว
ไม่มีจิต   เกาะเกี่ยว   ทั้งบาปบุญ

ทรัพย์ในเรือน   เป็นเหมือน   ของเกลื่อนกลาด
ที่เป็นบาป   เก็บกวาด   ทิ้งใต้ถุน
ที่เป็นบุญ   มีไว้   เพียงเจือจุน
ให้เป็นคุณ   สะดวกดาย   คล้ายรถเรือ...

ไม่ยึดมั่น   สิ่งใด   เอาใจแบก
กลัวแตกตาย   ใจประหวั่น   จนฟั่นเฝือ
เบาทั้งกาย   เบาทั้งใจ   ไม่มีเบือ
ชีวิตเหลือ   แต่ความเย็น   เป็นนิพพาน

                             พุทธทาสภิกขุ
จากปฏิทินธรรม ปี ๒๕๕๖ (สำนักพิมพ์สุขภาพใจ) - See more at: http://www.sunyatadham.org/forum/index.php?topic=278.0#sthash.J0uFSjwr.dpuf

ชีวิตที่แท้ สะอาด สว่าง สงบ งามงดและสดชื่น
อ.ประมวลกล่าวว่าหากชีวิตนี้ยังไม่งามงดและสดชื่น ชีวิตนี้ยังไม่ใช่ชีวิตที่แท้
ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าชีวิตผมที่ผมนิยามมานั้นว่ามันไม่งดงามเลย มันลำบากมันมีวิบากมันมีสิ่งขัดข้องอยู่เสมอ มันไม่สมดุลในสัมผัสที่ผมได้รับ ดังนี้ผมได้รับรู้ชีวิตที่แท้หรือยัง ทิษฐิมานะพาไปให้เห็นว่าอย่างไรเสียมันก็ยังเป็นชีวิตของผม หากผมยังไม่งามงดเป็นเพราะผมนิยามมันหรือสังคมให้ค่า หากมันไม่สดชื่นก็เป็นเพราะผมรู้สึกเช่นนั้น ทุกขณะที่ผมรู้ตัวผมจะยอมรับ"ชะตากรรม" ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าผมต้องชดใช้ชดใช้สิ่งที่ผมทำโดยไม่ระวัง โดยคิดไม่รอบคอบในอดีต
ถ้าผมนิยามมันใหม่ว่ามันงดงามแล้วและชื่นชมมัน ทั้งทั้งที่สังคมประณามว่ามันเลวทราม เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ความคิดนี้มันขัดแย้งกัน มันเป็นทวิลักษณ์ ผมตั้งคำถามว่าหากเป็นดั่งนี้แล้วจะมีหลักใดให้ยึดในการนิยามความงามงดสดชื่นได้บ้าง รวมทั้งการให้นิยามต่อ ความสุข ความทุกข์ ความงาม ความดี และความจริง มันมีหลักใด
ในสิ่งที่ผ่านมากับความทรงจำ ท่าน อ.ประยุต ประยุตโต บอกว่าถ้านิยามโดยตัวเองเป็นอัตตาธิปไตย ถ้าฟังสังคนส่วนใหญ่มันเป็นประชาธิปไตย และถ้ามันถูกต้องตามธรรมมันเป็นธรรมาธิปไตย ปัญหาของผมคือธรรมคือคืออะไร มันก็มีนิยามอีกเยอะแยะ และเป็นนิยามที่สร้างขึ้้นมาเพื่อใช้ ใช้บังคับ ควบคุมมันมีพลังในการควบคุมความคิดของผมด้วย นิยามจากตนเอง สังคม และธรรมที่ยังสงสัย
ผมถูกใจความคิดคติของอินเดียที่อ.ประมวล เพ็งจันทร์ บอกว่าชีวิตเผชิญกับความจริงที่มันบีบคั้นด้วยจิตนาการ และหากเราสมดุลได้ไม่อยู่กับความบีบคั้นมากเกินไป ไม่หลงกับจินตนาการมากเกินไป เราก็คงอยู่ได้อย่างงามงดและสดชื่น
ผมคงต้องแสวงหาต่อไป แสวงหาชีวิตที่แท้ อันงามงดและสดชื่นต่อไป


วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

เราผ่านยุคต่างๆ มาโดยลำดับ จากการพยายามเรียนรู้และดำรงชีพในยุคอยู่รอด ที่ต้องแก่งแย่งแข่งขัน จนวันหนึ่งการแก่งแย่งแข่งขันนั้นไม่ทำให้เรารอดอย่างแท้จริง เราแสวงหาต่อไปและพบว่าเราต้องอยู่ร่วม จึงจะรอดได้การแสวงหาจุดร่วม ความร่วมมือกัน การรก้าวไปด้วยกัน การทำงานที่ต้องอาศัยเครือข่าย เราจึงเน้นความร่วมมือเพื่อดำรงอยู่ด้วยกัน แต่ปัจจุบันเรากำลังก้าวไปสู่ยุคอยู่อย่างมีความหมาย ความหมายในการเป็นมนุษย์ที่มีความสุข มั่นใจในตัวเองและเคารพผู้อื่น

ในชีวิตผมการดำรงอยู่มายาวนานถึง 61 ปีแล้วนั้น ผ่านระบบการศึกษามาตามแบบไทยไทย ได้รับการสอนแเละเรียนรู้จากครูหลายคนทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบ ได้เรียนรู้จากการทำงาน ทั้งจากนาย เพื่อน และลูกน้อง ชีวิตที่เริ่มในกลางศตวรรษที่ 20 และดำรงอยู่จนเข้าศตวรรษที่ 21 การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก เร็วตามความเร็วของเทคโนโลยี

ชีวิตคือศิลปะอย่างหนึ่ง สมัยก่อนเราไม่รู้ว่าจะต้องมีทักษะอย่างไร เราเป็นมาเป็นไปตามยถากรรม เค้าบอกเราทำอย่างไรเราก็ทำไป ไม่เคยดิ้นรนมากมาย แต่ในปัจจุบันการดำรงชีวิตดูเหมือนยากขึ้น หรือมนุษย์เราอ่อนแอลง การดำรงอยู่จึงต้องใช้เวลาเรียนรู้นานมากกว่าที่จะดำรงอยู่อย่างลำพังได้ เราต้องให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้ทักษะชีวิต และทักษะวิชาชีพ หรือการเรียนการสอนแต่เดิมของเราทำให้เราอ่อนแอลง

ในยุคที่จะอยู่อย่างมีความหมายนี้ เราจึงต้องการทักษะที่เรียกว่า 4Cs ประกอบด้วย คิดอย่างเป็นระบบ(Critical Thinking) ทำงานร่วมกัน(Collaboration) การสื่อสาร(Communication) สร้างสรรค์และนวัตกรรม(Creativity and innovation) แล้วเราต้องหาครูสอนดี ซึ่งอาจหมายถึง ดุ ใจดี น่าเกรงขาม น่าเกรงใจ ทำสิ่งที่รัก ถ่ายทอดสิ่งที่รัก ปลูกสร้างศิษย์ที่รักให้รักสิ่งที่รัก สอนวิชาชีวิตสอนให้วิเคราะห์ชีวิต จนเราสามารถดำรงชีวิตได้ในทุกสถานการณ์ เราต้องการครูที่ให้ความรักกับลูกศิษย์อย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะความรักเป็นหัวใจและฐานของการเรียนรู้ ความรักสร้างความรู้สึกปลอดภัย ความรักทำให้ไม่รังแกกัน ไม่เยาะเย้ยถากถางดูถูกดูแคลนกัน สร้างความเคารพต่อผู้อื่น นำไปสู่การเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อความเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่ถูกปูพื้นฐานด้วยความรัก

แม้ผมจะอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เป็นทั้งศิษย์และครูแต่หัวใจของผมยังคงปรารถนาที่จะสร้างความสัมพันธ์ต่อผู้อื่น(ไม่ว่าครูหรือศิษย์)ในมิติของความเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่มีความสุข มั่นใจในตัวเองและเคารพผู้อื่น




วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

ลูกสอนพ่อ

ที่โรงเรียนลูกวชาย อายุ 15 วันนี้มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
กระเป๋าของครูสอนภาษาจีน เป็นชาวตางชาติ หายไป หายจากห้องพักครู ทางโรงเรียนได้นำ ตำรวจมาค้นทั้งโรงเรียน
ผมบอกกับลูกว่าอย่างนี้ต้องจัดการส่งดำเนินคดี
ลูกชายบอกว่า คิดอย่างพ่อนี่แหละทำให้เกิดปัญหามากมาย ไม่ให้อภัย ไม่ให้โอกาส คิดผิดชั่ววูปสังคมไม่ให้ที่หยัดยืน ลูกบอกต่อว่าป่านนี้เค้าคงรู้ตัวแล้วแต่คงไม่ได้มีการให้ออกหรือตัดอนาคตใคร
ลูกบอกต่อว่าเราต้องให้โอกาสเขา ให้เขามีที่หยัดยืนในสังคม ให้เขาแก้ตัว สังคมสมัยนี้จำกัดทิศทางคน ตัดสินคน และผลักให้คนไปเป็นคนไม่ดี
ผมอึ้งไปนาน ฟังเขาสาธยายถึงความรู้สึกและพยายามเรียนรู้
ไม่ตัดสินคน ให้โอกาส ให้อภัย คำเหล่านี้ผมเคยพูด และวันนี้มันย้อนกลับมาหาผม จากปากลูกชาย
วันนี้้ผมได้บทเรียนอันมีค่ามาก บทเรียนแห่งการกระทำไม่ใช่เพียงแค่คิด
วันนี้ผมมั่นใจ ผมได้สัมผัสคนที่มีใจเอื้อเฟื้อแก่สังคม คนที่พร้อมจะให้โอกาสตน
ผมขอบคุณคำสอนจากลูกมากครับ

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พ่อและลูก

ผมเกิดมาจำความได้อยู่กับแม่มาตลอด เมื่อเด็กๆ แม่จะพาไปหาพ่อเดือนละครั้งเพื่อไปรับค่าเลี้ยงดูเดือนละ 200 บาท พ่อทำงานที่โรงงานยาสูปที่คลองเตย พอโตขึ้นผมไปเองได้แม่ให้ผมเดินทางไปรับเงินค่าเลี้ยงดูจากพ่อเอง ตัวผมเองไม่ได้คิดอะไรมากนักในวัยเด็กไปตามแม่บอก พบพ่อแต่ไม่ได้คุยกันนานนักไม่เคยกินข้าวกับพ่อ ไม่เคยได้รับสัมผัสหรืออ้อมกอดจากพ่อ หรือมีแต่ผมจำไม่ได้ ทั้งผมยังไม่เคยเห็นรอยยิ้มของพ่อ
เมื่อผมอยู่ มศ. 4 ผมชอบอ่านหนังสือ ช่างอากาศ และนิตยสารการบิน และเป็นครั้งแรกที่ผมได้เขียนบทความนำมาเรียบเรียงเกี่ยวกับการเหยียบดวงจันทร์ และได้ลงในหนังสือนิตยสารการบิน จนนายทหารอากาศที่ทำหนังสือนั้นมาถึงบ้านเพื่อดูว่าเด็กที่เขียนเป็นใคร เป็นเด็กจริงหรือ ทำให้เกิดความภูมิใจแบบเด็กๆ หัวใจพองโต ในสิ้นเดือนนั้นผมพาหนังสือนั้นไปในวันที่ไปรับเงินค่าเลี้ยงดู เล่าให้พ่อฟังแต่ไม่ทันจบ พ่อไม่เคยเหลือบตาดู พ่อไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ พ่อยื่นเงินให้แล้วเดินจากไป
หัวใจที่ฟูเต็มที่กับความภูมิใจในความสำเร็จครั้งแรกของเด็กอายุ 14 ปี กลับชาด้านมืดลงทันที โลกที่สว่างกลับมืดลง ผมเดินถือหนังสือนั้นกลับออกมาเคว้งคว้าง ว่างเปล่า ไม่กลับบ้านในทันทีเหมือนทุกคราว ผมปล่อยตัวเองให้นั่งรถเมล์สายห้วยขวาง คลองเตยไปจนสุดสาย แล้วนั่งกลับมาสุดสายอีกรอบก่อนกลับบ้าน
ตั้งแต่นั้นมาผมไม่เคยไปหาพ่อเพื่อเอาเงินค่าเลี้ยงดูอีกเลย ผมเคยถามแม่ว่า ในบ้านหลังนี้มีผมคนเดียวที่ใช้นามสกุลนี้ ผมเปลี่ยนนามสกุลได้ไหม แม่ไม่ตอบ แม่ยิ้ม แล้วก็บอกว่าช่างมันเถอะลูก เราอย่างไรก็เป็นลูกเขาอย่าคิดอกตัญญูอย่างนั้น ผมจึงหยุดคิดเรื่องนั้น แต่ผมไม่เคยบอกแม่ว่าผมไม่ได้ไปเอาเงินจากพ่อ จนผมสอบเข้าวิทยาลัยวิชาการก่อสร้างได้แม่บอกให้ผมไปบอกพ่อ ผมจึงบอกแม่ว่าผมไม่ได้พบพ่อมานานมากแล้ว ผมไม่ไปบอกคงจะได้ ความคิดวัยรุ่นแรง แข็งและไม่เข้าใจชีวิต ไม่มีอภัย มีแต่อาฆาต ไม่พยาบาท ไม่คิดร้าย แต่ไม่เคยลืม
บวชเมื่ออายุ 20 ครบบวชพอดี ปี 2515

ผมพบพ่ออีกครั้งเมื่อตอนผมบวชในปี 2515 อายุครบ 20 ปีพอดี ผมขอขมาต่อพ่อตามพิธี ผมจำความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้มากนัก มันผ่านไปเร็วและผมก็มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของตัวเอง พ่อผมได้อยู่ร่วมพิธีบวชจนจบ และจากไปอย่างที่ผมก็ไม่ได้จดจำ ผมบวชหนึ่งพรรษาเต็มรับกฐินสอบนักธรรมตรีสนามหลวง บวชเป็นเวลาหกเดือนแล้วจึงสึก เมื่อกลับไปกราบแม่ที่บ้านแม่บอกให้ไปหาพ่อด้วย ผมตอบไปด้วยกิเลศเต็มความคิดว่า ผมตายไปจากฆารวาสและเป็นเพศบรรพชิตผมได้ตอบแทนครบแล้ว บัดนี้ผมเกิดใหม่จากเพศบรรพชิตมาเป้นฆารวาสอีกครั้งคราวนี้ขอเป็นลูกแม่เพียงคนเดียวก็แล้วกัน กิเลศพาให้ผมออกห่างพ่ออย่างไม่มีวันจะกลับมาพบกันได้อีก
ชีวิตของผมก็ผ่านไปจนมีลูก ผมกับลูก
ผมแต่งงานสองครั้ง ครั้งแรกมีบุตรีหนึ่งคน ผมตั้งใจจะเลี้ยงเอง แต่ด้วยเวรกรรมที่ไม่อธิบายได้และความไม่เข้มแข็งตั้งใจของผม ผมเลี้ยงได้จนถึง 4 ขวบ เลี้ยงไม่ได้ทะนุถนอมและทำร้ายเขาทั้งกายและใจ เมื่อบุตรีอายุ 4 ขวบผมได้นำเขามาให้แม่ผมเป็นคนเลี้ยงดู ชีวิตผ่านไปผมทำงานต่างจังหวัดกลับมาดูเขาบ้างไม่ได้ดูแลทั้งกายและใจเพียงแต่ส่งเงินให้เท่านั้น ตอนอายุเธอได้ 10 ปี ครูใหญ่เรียกพบและบอกให้เอาลูกไปเลี้ยงเอง เพราะเธอขาดความอบอุ่นมากๆ ผมนำเธอกลับมาเลี้ยงได้อีกระยะหนึ่ง แต่ด้วยกรรมหรือเวรไม่ทราบได้ เธออยู่ได้ประมาณ 3 ปี อายุ 13 ปี เราเอาเธอไปเรียนต่างจังหวัดอีกครั้ง ให้เธอไปโดดเดี่ยวอีกครั้ง ไม่ทันครบปีผมต้องรับเธอกลับมาอยู่ด้วยที่ที่เราพาเธอไปไม่ใช่ที่ทางของเธอ ครูที่เธอไปพักด้วยบอกเธอเป็นคนมีความสามารถให้เลี้ยงเองเลี้ยงให้ดี เธอเสียเวลาไปหนึ่งปีและกลับมาเรียนอยู่กับผม จากอยู่ต่างอำเภอเราย้ายมาอยู่ในเมือง ผมไปเรียนต่อต่างจังหวัด เธออยู่เพียงลำพังกับผมในวันธรรมดา และวันหยุดเธออยู่กับแม่เธอที่ไปทำงานต่างจังหวัดแล้วจะกลับมาในวันเสาร์อาทิตย์ ต่อมาเมื่อธออายุได้ 17 ปี ผมแยกทางกับภรรยา เธออายุ 18 ปี ผมแต่งงานใหม่ เธอย้ายไปเรียนที่ กรุงเทพและอยู่คนเดียวที่หอพัก เรื่องราวซับซ้อน(หมายถึงไม่อยากเอ่ยถึง) และสุดท้ายเธอก็กลับมาอยู่กับแม่ผมอีกครั้งก่อนที่จะออกไปสร้างอาชีพเองและทำธุรกิจเอง มีบ้านพักอาศัยราคาแพงก่วาบ้านผม แม่ของเธอกลับมาดูแลเธอตอนเธออายุ 30 ปี ขณะบันทึกนี้เธออายุ 36 ปีแล้วผมไม่ค่อยได้ติดต่อกับเธอเราต่างคนต่างอยู่
ในปัจจุบันนี้ผมมีบุตรอีกคน อายุ 15 ปีในปีนี้ ผมไม่ได้เลี้ยงดูแบบใกล้ชิดนัก ผมต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยมาก ไปแทบทุกอาทิตย์ ตลอดเวลาที่ทำงาน ผมพึ่งได้มาอยู่ด้วยโดยไม่ค่อยได้เดินทางเมื่อเขาอายุ 14 ปี ในเวลาที่ผมเกษียณอายุมาเป็นราษฎรธรรมดา ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่ใกล้แต่ก็ไม่ห่าง ผมยังให้คำปรึกษาเขาได้ในบางเรื่องที่เขาต้องการ และขอคำแนะนำจากเขาในเรื่องที่ไม่รู้ เขามึความเป็นตัวของตัวเองสูง โดดเดี่ยวเหมือนลูกคนเดียวทั่วไป เขามีชีวิตของเขา
ผมนึกถึงพ่อของผมตามหาเขาเมื่อผมอายุได้ประมาณ 50 ปี ตอนนั้นเขาน่าจะเกษียณแล้ว พ่อ คนที่ผมยังไม่รู้รากเง่าของตนเอง ผมตามหาเขาเพื่อจะรู้จักรากของตัวเอง ตามหาเพราะลูกเคยถามว่าพ่อของพ่อเป็นคนที่ไหน ถามคำถามที่ผมไม่เคยอยากรู้เลย ผมอยู่ในสังคมที่เชิดชูความกตัญญู เชิดชูสิ่งที่เป็นบุพการี ผมก็ถูกสั่งสอนมาเช่นนั้น ผลของการตามหานั้นไม่เจอพ่อหรือข่าวคราวของเขาเลย ผมเคยพิ่มพ์ นามสกุล เพื่อหาใน Internet ผมพบเพียงคนเดียวที่นามสกุลเดียวกับผม เป็นผู้หญิง และเป็นเรื่องบังเอิญอีกวันหนึงเพื่อนที่ทำงานด้วยกันวางการ์ดเชิญแต่งงานไว้บนโต๊ะชื่อของฝ่ายหญิงคือเธอคนนั้น ผมขอให้เขาช่วยสอบถามว่าบิดาของเธอชื่ออะไร คำตอบที่ได้คือ เธอไม่ชอบที่จะสนทนาเกี่ยวกับ บิดา ของเธอ
ช่วงชีวิตหนึ่งที่ผมต้องจากบ้านไปอยู่คนเดียวในเวลาที่เศรษฐกิจส่วนตัวไม่ดี หนี้สินรุงรัง ผมเอาตัวรอดมาได้ด้วยโชคช่วย ตลอดสามปีที่ผจญทุกสูญเสียทุกอย่างแต่ผมยังมี คนรอบข้างที่ไม่ทอดทิ้งผม แม้เพื่อนจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ผมยังมีเมีย ลูก และน้อง คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ ผมอดทนไม่ได้รบกวนใครมากนัก ยกเว้นเมีย ในช่วงนั้นที่ผมทำแทบทุกคืน คือ สวดมนต์ให้จิตสงบ และหลังจากนั้นผมจะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร พ่อ แม่ พ่อเลี้ยง คุณลุง คุณป้า ทั่งห้าคนคือผู้เป็นบุพการีของผม
วันนี้ผมไม่ได้ค้นหา พ่อ อีกแล้ว ผมพบว่าในใจผมยังติดค้าง พ่อ อยู่ ผมยังไม่เคยให้อภัยพ่อผมอย่างแท้จริง ผมเขียนบันทึกนี้เพื่อปลดปล่อยตัวเอง ปลดปล่อยจากความมืดบอดของความอาฆาต ความทรงจำร้ายๆ ที่ไม่เคยลืมมาก่อน มันฝัง มันเป็นตะกอนในใจ มันอยู่ลึกและขึ้นมาทำร้ายเป็นระยะ ผมต้องการปลดปล่อยภาวะที่ไม่พึงประสงค์นี้ออกไป ผมเข้าใจพ่อ เข้าใจโดยไม่ต้องอธิบาย ภาระต่างๆ ของความเป็นพ่อ มีมาก น่าเห็นใจ ผมต้องการตั้งจิตขออภัยอย่างแท้จริง หากมีทางใดที่ท่านรู้ได้โปรดได้อภัยในความไม่รู้ อภัยให้ด้านดำมืดของเด็กคนนี้

อภัยให้ผมนะครับพ่อ

ด้วยจิตนอบน้อม

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรียนรู้อยู่กับลมหายใจ

วันทุกวันของเราเริ่มต้นจากเช้าเมื่อตื่นจากหลับไหล นั่งทบทวนตนก่อนลุกจากที่นอน พับผ้าห่มไปด้วย
เมื่อตื่นขึ้นความคิดเริ่มทำงาน การทบทวนตนเองก็เป็นการคิดอย่างหนึ่ง ลองละทิ้งการคิดไว้ในที่ทางของเขาไม่ใส่ใจ จัดผ้าห่มไว้ที่ที่ กลับมาตรวจตราร่างกาย ทำความรู้สึกกับร่างกาย ลมหายใจผ่านเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ปิดตาสำรวจความรู้สึกตามร่างกายเริ่มจากปลายเท้าขึ้นมา
สำรวจพร้อมทั้งขอบคุณร่างกายนี้ที่ได้อาศัยมาด้วยดีเป็นเวลาหลายปีแล้ว
สำรวจพร้อมทั้งขอโทษที่ไม่ได้ดูแลให้ดี
สำรวจพร้อมทั้งยินดีที่ยังได้อาศัยกายนี้ต่อไป กายนี้ช่างอัศจรรย์ยิ่งและมีค่าเหลือเกิน
ไล่ความรู้สึกจากข้างนอกอย่างช้าๆ แข้ง หัวเข่า ขา ท้อง หน้าอก แขน มือ ลำคอ ศรีษะ หู จมูก ปาก จบภายนอกแล้ว สำรวจภายใน ลิ้นลำคอ หัวใจ ปอด กระเพาะ สำใส้ ตับ ใต ม้าม และของแข็ง ของเหลวในกาย
ตั้งกายตรงทรงกายมั่น ลืมตาแล้วลุกขึ้นยืน ทำสติรู้อยุ่ ทำความสะอาดร่างกายตอนเช้าพร้อมทั้งขับถ่ายปัสสาวะ เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย
ระหว่างอาการทางกายเหล่านั้น อาการทางใจยังวิ่งวุ่น คิดไปต่างๆ นานา ระลึกไปในอดีตที่ผ่านมาแล้ว นานมากบ้าง เร็วๆ นี้บ้าง เมื่อระลึกนึกถึงแล้วกรอบของเรื่องต่างๆ ก็มาจับทำให้คิดต่อ พยายามสะบั้นความคิดได้เป็นช่วงๆ ความคิดบางอย่างเร็วมากมาโดยอัตโนมัติสะสม เวลาดึงออกมาไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร แต่พอรู้ตัวจะจัดการกับมัน กลับเป็นว่าหามันไม่เจอ มันซ่อนอยู่ลึกเร้นและทำงานอัตโนมัตอย่างน่ากลัว จึงรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวเพลินไปถึงไหนต่อไหนกว่าจะกลับมาได้ พยายามให้ความคิดอัตโนมัติเช่นนี้ไม่ทำงาน โดยทความรู้สึกตัว รู้ถึงจุดประสงค์ที่จะทำ จับสติกับกายให้รู้ว่าการเคลื่อนไปเป็นอย่างไร ทิ้งความคิดไป แต่ความต่อเนื่องของอาการนี้ยังไม่นิ่งพอ ยังกวัดแกว่งไปมา อารมรณ์ที่มาถึงจึงก่อเวทนาขึ้น สังเกต ดู รู้อยู่ไม่คิดต่อ พลัดตกไปบ้าง
เสร็จจากธุระส่วนตนแล้ว เข้าไปในครัว เก็บภาชนะที่ล้างไว้แต่เมื่อวานตอนค่ำเข้าที่ ภาชนะมีทึ่อยู่ของมันเมื่อเข้าที่แล้วก็ดูเรียบร้อย เก็บเสร็จเดินออกกำลังโดยเดินรอบโต๊ะรับประทานอาหาร การเดินอย่างเงียบๆ ไม่เร็วไม่ช้า ออกกำลังและระวังความคิดไปพร้อมกัน เดินนับก้าว เดินขยับแขนขึ้นลงกางและหุบสลับไปมา นับก้าวละหนึ่งพยางค์ ถึงประมาณ ห้าร้อย เป็นอันออกกำลังกายและจิตเสร็จ
ส่งลูกไปโรงเรียน โบกมือส่งท้ายให้กันและบอกว่าแล้วพบกันตอนเย็น ส่งลูกไปนี้ความคิดทำงานอีกแล้ว เหมือนการจากแบบชั่วคราวเวลาไม่นาน ไม่ได้ปรารถนาอะไร เดี๋ยวก็พบกันตอนเย็น ตามดูความคิด ไม่ปรุงต่อไปจากนั้น ให้เรียนรู้การพลัดพรากแม้เพียงชั่วคราว เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไป ความคิดจรมาบรรจบ อันนี้เป็นสัญญา ไม่ใช่ปัญญา ดูแล้วก็วางเสีย
ต่อด้วยรดน้ำต้นไม้
กิจกรรมยาวเช้าดูหมดไปอย่างไร้ประโยชน์ต่อครอบครัวและคนรอบข้าง ค่อยมาสังเกต เรียนรู้อยู่กับลมหายใจต่อครั้งหน้าครับ

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

คำอฐิษฐานของพ่อ

A Father Prayer by General Douglas MacArthur
ภาพจาก
http://www.turnbacktogod.com/wp-content/uploads/2009/03/general-douglas-macarthur.jpg

The following prayer was written by General Douglas MacArthur -

Build me a son, O Lord, who will be strong enough to know when he is weak, and brave enough to face himself when he is afraid; one who will be proud and unbending in honest defeat, and humble and gentle in victory.

Build me a son whose wishes will not take the place of deeds; a son who will know Thee — and that to know himself is the foundation stone of knowledge.

Lead him, I pray, not in the path of ease and comfort, but under the stress and spur of difficulties and challenge. Here let him learn to stand up in the storm; here let him learn compassion for those who fail.

Build me a son whose heart will be clear, whose goals will be high; a son who will master himself before he seeks to master other men; one who will reach into the future, yet never forget the past.
And after all these things are his, give him, I pray, enough of a sense of humor, so that he may always be serious, yet never take himself too seriously. Give him humility, so that he may always remember the simplicity of true greatness, the open mind of true wisdom, and the meekness of true strength.

Then I, his father, will dare to whisper, 
“I have not lived in vain.”

คำแปล 
โดย คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรณ์ (คัดลอกจากหนังสือ จิ้งจกทัก)

โปรดสร้างลูกให้ข้าพเจ้าสักคนเถิด
ลูกซึ่งเข้มแข็งพอที่จะรู้ตัวเมื่อเขาอ่อนแอ
กล้าหาญพอที่จะยอมรับว่าเขากลัว
หยิ่งผยองไม่ก้มหัวกับการพ่ายแพ้ที่สุจริต
แต่กลับอ่อนน้อมอ่อนโยนเมื่อมีชัย

โปรดสร้างลูกให้ข้าพเจ้าสักคนเถิด
ลูกซึ่งไม่เอาแต่เพียงความปรารถนาจะทำมาแทนการกระทำ
ลูกซึ่งรู้จักพระองค์ และรู้ว่า
การรู้จักตนเองนั้นแหละคือฐานรากที่มั่นคงของความรู้

โปรดนำทางเขาเถิด ข้าพเจ้าจะขอร้อง
ไปสู่ทางที่ไม่ใช่ความสะดวก ความสบาย
แต่เป็นทางที่มีทั้งความกดดัน ความยากลำบาก และท้าทาย
ที่นั่นเขาจะได้เรียนรู้ที่จะยืนหยัดอยู่ท่ามกลาพายุ
ที่นั่นเขาจะได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกและเห็นใจคนพ่ายแพ้

โปรดสร้างลูให้ข้าพเจ้าสักคนเถิด
ลูกซึ่งดวงใจใสสะอาด
ลูกซึ่งมีเป้าหมายอันสูงส่ง
ลูกซึ่งจะต้องชนะตนเองก่อนที่จะไปพยายามเอาชนะคนอื่น
ลูกซึ่งจะเอื้อมไปไขว่ความอนาค แต่ไม่ลืมอดีต

และเมื่อเขาได้เป็นทุกสิ่งที่ท่านสร้างแล้ว ข้าพเจ้าวอน
ขอให้เขามีอารมณ์ขัน ซึ่งถึงแม้เขาจะเป็นคนจริงจัง
แต่ก็จะไม่จริงจังกับตัวเองจนเกินไป
โปรดให้ความถ่อมตนกับเขา
เพื่อเขาจะได้รำลึกไว้ตลอดกาลถึงความยิ่งใหญ่ของความเรียบง่าย
การเปิดใจให้กว้างคือปัญญาอันแท้จริง
การยินยอมโอนอ่อนผ่อนตามคือความแข็งแกร่งที่ยั่งยืน

เมื่อนั้นแหละ พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะกล้ากระซิบว่า

"ข้าพเจ้าไม่ได้เกิดมาโดยเปล่าประโยชน์"





บันทึกไว้ด้วยคิดถึงครอบครัว หวังไว้เช่นกันว่าเขาจะเป็นดั่งที่ว่า

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

แจกเพื่อนแท้ เล่มที่ 27-28 แนว Howto

สัญญาไว้ว่า จะแจกหนังสือประเภท Howto ขอแจกก่อนสงกรานต์ สองเล่ม เป็นหนังสือเกี่ยวกับ การพัฒนาคุณภาพงาน Six Sigma สองเล่ม
เล่มที่ 27
Six Sigma for Everyone (คลิกเพื่อดูรายละเอียด)
แต่งโดย George Eckes

แปลและเรียบเรียงโดย ดร.วิทยาสุหฤทดำรง
สำนักพิมพ์กรุงเทพ อี ไอ สแควร์ พับลิชชิ่ง ปี 2546
จำนวน 176 หน้า
จัดจำหน่ายโดย ซีเอ็ด 
ISBN 974-91677-5-9

แจกไปแล้วเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 56




เล่มที่ 28
คู่มือปฏิบัติ Six Sigma เพื่อสร้างความเป็นเลิศในองค์กร(คลิกเพื่อดูรายละเอียด)
Forrest W. Breyfogle III, James M.cupello, Becki Meadows เขียน
ดร.ณัฐพันธ์ เขจรนันทน์ และคณะ ...แปลและเรียบเรียง
บริษัท เอ็กซเปอร์เน็ท จำกัด ตุลาคม 2546
จำนวน 340 หน้า
ISBN 974-906-400-3









เหมือนเดิมนะครับ

โปรดแจ้งความจำนงมายัง 
rarearntoo@gmail.com 
เรื่อง Subject : ขอรับหนังสือเล่มที่ ...(ระบุเล่มที่ต้องการ) 
โปรดแจ้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะให้จัดส่งหนังสือ
โปรดอ่านเจตนาของผมที่จะแจกเพื่อนแท้ ที่ หนังสือคือมิตรแท้

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2556

โครงการแจกเพื่อนแท้ เล่มที่ 9-26

วันเสาร์นี้ แจกแหลก 18 เล่ม 
ดูกันเองนะครับ มีหลายแนว
หนังสือเก่า 18 เล่ม พร้อมแจกแล้ว มีนวนิยายหลายประเภท
โปรดแจ้งความจำนงมายัง rarearntoo@gmail.com เรื่อง Subject : ขอรับหนังสือเล่มที่ ...(ระบุเล่มที่ต้องการ) โปรดแจ้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะให้จัดส่งหนังสือ
โปรดอ่านเจตนาของผมที่จะแจกเพื่อนแท้ ที่ หนังสือคือมิตรแท้
เล่มที่ 9 
แล้วคุณจะรู้ว่า นักโทษ มีดีกว่าที่ทำการฆ่า

เล่มที่ 10
รู้จัก เสถึยร จันทิมาธร นะ











เล่มที่ 11
นิยายวิทยาศาสตร์ ที่โด่งดัง ผมอ่านเพราะอยู่ห่างอารยะธรรมใหม่ ดูหนังไม่ได้ เลยอ่านหนังสืออย่างเดียว คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่คนแต่ก่อนต้องอ่านหนังสือ 555




เล่มนี้มีผู้ขอรับไปแล้วครับ





เล่มที่ 12
เรื่องแปล จาก Moment by Moment











เล่มที่ 13
อ่านชื่อที่เค้าแต่ง ก็ อายุตอนนี้ มากกว่า 60 คือเกษียณแล้วทั้งนั้น
เล่มนี้ิพิมพ์เมื่อ ธ.ค. 2513










เล่มที่ 14
เค้าแต่งเพื่อเยิรพระเกียรติ ในวาระฉลอง 200 ปี กรุงรัตนโกสินทร์
ไพเราะมาก พิ่มพ์ ปี 2525










เล่มที่ 15
วรรณกรรมแปล โดย ปรีชา ช่อปทุมา พิมพ์ ปี 2518











เล่มที่ 16
วัฒน์ วรรลยางกูร
แต่งนิยายรักของหนุ่มสาวในยุคของการต่อสู้ พิมพ์ปี 2524










เล่มที่ 17
รวมบทกวี ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ พิมพ์ปี 2524 หนังสือโดนน้ำแต่งทำให้แห้งนานแล้ว สภาพดี อักษรของสุจิตต์ น่าอ่านเสมอ










เล่มที่ 18
รวมเรื่องสั้นของ ไมตรี ลิมปิชาติ











เล่มที่19
รวมเรื่องสั้นของ ณรงค์ จันทร์เรือง











เล่มที่ 20
เรื่องแปลของ สายธาร น่าอ่านมาก เรื่องเกิดในโรงแรม
ฉบับนี้เป็นการพิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2520










เล่มที่ 21
เรื่องของเซ็นเมื่อเบ่งบาน พิมพ์ครั้งแรก ไม่ทราบ ปีที่พิมพ์




เล่มนี้มีผู้ขอรับไปแล้วครับ






เล่มที่ 22
แนวสืบสวนสอบสวน พิมพ์เมื่อปี 2524
มีชื่อรวบ. กฟผ. คนปัจจุบัน ด้วย สงวนไว้สำหรับ นักปัญชี กฟผ.ก็แล้วกัน










เล่มที่ 23
นักการเมืองที่มีความคิดก็มีเยอะ พิมพ์ปี 2522











เล่มที่ 24
เรื่องแปล ก็มนุษย์ตามหาไฟ พิมพ์ ปี 2525











เล่มที่ 25
นิยายวิทยาศาสตร์ คนสองคนเหมือนกันอยู่กันคนละที่ในเวลาเดียวกัน น่าอ่านนะ











เล่มที่ 26

เค้าว่าเรื่องจริงสนุกกว่านิยาย




เล่มนี้มีผู้ขอรับไปแล้วครับ






โปรดแจ้งความจำนงมายัง rarearntoo@gmail.com เรื่อง Subject : ขอรับหนังสือเล่มที่ ...(ระบุเล่มที่ต้องการ) โปรดแจ้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะให้จัดส่งหนังสือ

โปรดอ่านเจตนาของผมที่จะแจกเพื่อนแท้ ที่ หนังสือคือมิตรแท้

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

โครงการแจกเพื่อนแท้ เล่มที่ 7-8

ศุกร์ ที่เป็นสุข
โครงการแจกเพื่อนแท้
เล่มที่ 7 และ 8 อันนี้เแจกสองเล่มให้คนเดียวที่ต้องการ ไม่ต้องการให้เพื่อนแท้แยกกันครับ

เป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ประพันธ์สานส์ทั้่งสองเล่ม พิมพ์ห่างกัน 5 ปี
กูเป็นนิสิตนักศึกษา พิมพ์ปี 2512 นิราศและกลอนลูกทุ่ง พิมพ์ปี 2517
ขนาด 11x18 ซม. น้ำหนัก รวม 230 กรัม สภาพหน้าครบ มีชำรุดทีปกนิดเดียว ครบหน้า


เป็นหนังสือของสองกุมารสยาม ทั้งสองอายุมากกว่าผมซึ่งเป็นผู้สูงอายุ





เหมือนเดิมนะครับ

โปรดแจ้งความจำนงมายัง rarearntoo@gmail.com เรื่อง Subject : ขอรับหนังสือเล่มที่ ...(ระบุเล่มที่ต้องการ) โปรดแจ้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะให้จัดส่งหนังสือ
โปรดอ่านเจตนาของผมที่จะแจกเพื่อนแท้ ที่ หนังสือคือมิตรแท้
อาทิตย์หน้า 6-13 เม.ย. 56 จะแจกหนังสือ ประเภท How to. นะครับ โปรดติดตาม  

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

โครงการแจกเพื่อนแท้ เล่มที่ 3, 4, 5 และ 6

                                     หนังสือคือมิตรแท้           ของฉัน
                              หลับตื่นมีแต่มัน                     อยู่ใกล้
                              สุขทุกข์สารพัน                      มันให้
                              สบายจิตใจไซร์                     เมื่อได้อ่านมัน

(ทิพย์ พัชน์ศรี)
ก่อนสุดสัปดาห์แจก 4 เล่มรวด ยังเป็นประเภทนวนิยายครับ 

เล่มที่ 3       เล่มนี้มีผู้ขอรับไปแล้วครับ

หนังสือ    หักเหลี่ยมเจ้าพ่อ ผู้แต่ง เจฟฟรีย์ อาร์เชอร์ ผู้แปล/เรียบเรียง วีแม่น อิทธิหิรัญวงศ์ เรื่องแปล ชนิดปก    อ่อน ISBN     974 526 008 4 จำนวนหน้า 444 พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ย. 2520 สำนักพิมพ์รวมสาสน์ ขนาด11 x 18 ซม. น้ำหนัก 260 กรัม สภาพเก่า ครบหน้า ราคาขายตอนนั้น 37 บาท



... ฮาร์วีย์ แม็คคาล์ฟ เจ้าพ่อวงการน้ำมันและหุน ใช้เวลาสร้างตัวเองมากว่า 25 ปี ด้วยเล่ห์กลสารพัด ทางการตำรวจทั่วโลกพยายามใช้กฏหมายเล่นงานเขาให้อยู่มือ แต่ฮาร์วีย์ไม่เคยพลาดที่จะทิ้งหลักฐานใดๆ ให้ผูกมัดต่อเขาได้...
...4 หนุ่มต่างอาชีพผู้มีอนาคตไกลเป็นเหยื่อติดกับกลโกงธุรกิจของเจ้าพ่อจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ด้วยความแค้น ทั้งสี่จึงรวมหัวกันวางแผนซ้อนเพื่อหลอกเอาเงินคืนมาให้ได้ด้วยวิธีแยบยลสะใจ และใช้ความรู้ในวิชาชีพหลักของแต่ละคนมารวมกัน
"ข้าขอสัญญาว่าจะต้องหลอกเอาเงินที่มันโกงไปกลับคืนมาให้ได้พร้อมดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันแรก ไม่ให้ขาดไม่ให้เกินแม้แต่เก๊เดียว..." 



เล่มที่ 4    เล่มนี้มีผู้ขอรับไปแล้วครับ


หนังสือ    เดอะ ซิตาเดล ผู้แต่ง    A.J. Croni 
ผู้แปล/เรียบเรียง สาธาร เรื่องแปล ชนิดปกอ่อน จำนวน 306 หน้า
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ย. 2520 สำนักพิมพ์ประพันธ์สาสน์ 

ขนาด11 x 18 ซม. น้ำหนัก 160 กรัม 
สภาพ เก่า ครบหน้า ราคาขายตอนน้้น 15 บาท

เรื่องหมอๆ 
แอนดรูพยายามเป็นหมอที่ดี แต่ เขาถูกกล่าวหาด้วยหมอทั้งหลายที่หวังจะไม่ให้เขาเป็นหมออีกต่อไป เขาจะผ่านไปได้หรือไม่
เป็นเรื่องหมอๆ จริงๆ 
อ่านแล้วจะเข้าใจและไม่เข้าใจหมอ 555








เล่มที่ 5
หนังสือ บ้านผี ผู้แต่ง เจย์ แอนสัน ผู้แปล/เรียบเรียง พรจิต อัศวกุล เรื่องแปล ชนิดปกอ่อน จำนวน 309 หน้า
สำนักพิมพ์บรรณกิจ ขนาด11 x 18 ซม. น้ำหนัก 190 กรัม สภาพเก่า มีหน้าเกิน ราคาขายตอนนั้น 21 บาท



เรื่องเกิดในปี 1975 ( พ.ศ.2518) ครอบครัวลูทธ์ ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังหนึ่งซึ่งเขาต้องเผชิญอะไรที่น่ากลัวตลอด 28 วันที่ย้ายเข้าไปอยู่ 
ล้วครอบครัวบลูทธ์ จะอยู่ได้หรือไม่









เล่มที่ 6   เล่มนี้มีผู้ขอรับไปแล้วครับ

 หนังสือ ลูบหนวดปัวโร ผู้แต่ง อากาธา คริสตี้ ผู้แปล/เรียบเรียง ปรีชา- ตวงตา เรื่องแปล ชนิดปกอ่อน จำนวน 336 หน้า ขนาด11 x 18 ซม. น้ำหนัก 180 กรัม สภาพ เก่า ดี ครบหน้า ราคาขายตอนนั้น 24 บาท


 ก็เรื่องนักสืบ สืบสวนที่ลือสั่นนะแหละครับ










โปรดแจ้งความจำนงมายัง rarearntoo@gmail.com เรื่อง Subject : ขอรับหนังสือเล่มที่ ...(ระบุเล่มที่ต้องการ) โปรดแจ้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะให้จัดส่งหนังสือ

โปรดอ่านเจตนาของผมที่จะแจกเพื่อนแท้ ที่ หนังสือคือมิตรแท้

อาทิตย์หน้าจะแจกหนังสือ ประเภท How to. นะครับ โปรดติดตาม  

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

โครงการแจกเพื่อนแท้ เล่มที่ 2

เล่มนี้มีผู้ขอรับไปแล้วครับ
...หนังสือคือมิตรแท้  ของฉัน
หลับตื่นมีแต่มัน       อยู่ใกล้
สุขทุกข์สารพัน       มันให้
สบายจิตใจไซร์      เมื่อได้อ่านมัน
ทิพย์ พัชน์ศรี

เล่มแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับ อินเดียนแดงและคนผิวขาว ในเรื่องพื้นที่อยู่อาศัย อินเดียนแตงฝังร่างไว้ที่ วูนเด็ดนี
เล่มที่สองเป็นเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่อยู่อาศัยอีกเช่นกัน


... จนกว่า พระผู้เป็นเจ้าจะให้พี่น้องของเจ้าได้พักผ่อน เหมือนดั่งที่ได้ประทานแก่เจ้าแล้ว จนกว่าทั้งหมดจะยึดครองแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าประทานให้ที่เลยแม่น้ำจอร์แดนไปฝั่งโนน พวกเจ้าถึงจะกบับมายังถิ่นฐานตนเองที่ที่ข้าให้แก่เจ้าไว้ ...

วจนะของ พระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อโมสสสในเต็นเตโรโนมี

"เอ็กโซดัส" EXODUS ลีออน ยูรีส เขียน ธนิต ธรรมสุคติ แปล
พิมพ์ครั้งที่ 2  ต.ค. 2523 ก้องเกียรติการพิมพ์ จำนวน 1,119 หน้า ขนาด 11-17.8 ซม. หนัก 550 กรัม ปก อ่อน สภาพ เก่า แต่ไม่ฉีกขาด ทุกหน้าครบถ้วน มีลายเซ็นต์เจ้าของที่ให้ผมมาคือ คุณไพรัช ศุภวิวรรธน์ที่ปกใน

โปรดแจ้งความจำนงมายัง rarearntoo@gmail.com เรื่อง Subject : ขอรับหนังสือเล่มที่ 2 โปรดแจ้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะให้จัดส่งหนังสือ

เล่มนี้มีผู้ขอรับไปแล้วครับ


โครงการแจกเพื่อนแท้



...หนังสือคือมิตรแท้ ของฉัน
หลับตื่นมีแต่มัน อยู่ใกล้
สุขทุกข์สารพัน มันให้
สบายจิตใจไซร์ เมื่อได้อ่านมัน

เล่มแรกที่แจก เป็นเรื่องจริง
"ฝังหัวใจข้าไว้ที่นี่ วูนเด็ดนี" ดี ปราวน์ เชียน ไพรัช แสนสวัสดิ์ ถอดความฃ
ISBN : 974 285 003 8 พิมพ์ครั้งที่ 1 ก.พ. 2523 พูลสวัสดิ์การพิมพ์ จำนวนหน้า 736 หน้า ขนาด 11-18.3 ซม. น้ำหนัก 380 กรัม สภาพ เก่า ปกอ่อน

โปรดแจ้งความจำนง
rarearntoo@gmail.com 
เรื่อง Subject รับหนังสือ  

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

หนังสือคือมิตรแท้


ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 ( พ.ค. 2522 ) ราคา 15 บาท
                                     หนังสือคือมิตรแท้           ของฉัน
                              หลับตื่นมีแต่มัน                     อยู่ใกล้
                              สุขทุกข์สารพัน                      มันให้
                              สบายจิตใจไซร์                     เมื่อได้อ่านมัน
(ทิพย์ พัชน์ศรี)
 ผมอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ต้องขอบคุณแม่มากๆ ที่อ่านหนังสือให้ผมเห็นทำให้ผมอยากอ่านหนังสือ อ่านนิยาย อ่านนิตยสารรายสัปดาห์ ตามที่แม่อ่าน แม่เป็นผู้เรียนหนังสือจบเพียง ป.4 แต่ส่งให้ลูกเรียนจบสูงกว่าแม่ทุกคน
แรกๆ ผมอ่านนิยายตามแม่ อ่านผู้ชนะสิบทิศ อ่านขุนศึกตั้งแต่ยังไม่มีบทจบ แม่อ่านอะไรผมอ่านอันนั้น นิตยสารรายสัปดาห์ผมอ่านบางกอก นิตยสารรายปักษ์ผมอ่านสตรีสาร รายเดือนชาวกรุง(สองอันนี้แม่ไม่ได้ซื้อแต่เจ้านายซื้อเขาอ่านจบแล้วเราจึงได้อ่าน ... แบบว่าเป็นหนังสือล่วงเวลา - เวลาล่วงไปแล้วเราจึงได้อ่าน...)
พอโตมาหน่อยผมเข้าโรงเรียนนอกจากอ่านตามแม่แล้วผมยังอ่านตามเพื่อน อ่านการ์ตูน อ่านเรื่องสั้น อ่านเท่าที่หายืมได้ ช่วงเรียนมัธยมผม อ่านนิตยสารการบิน และช่างอากาศ (อ่านฉบับที่ล่วงเวลาแล้วเหมือนเดิม เพราะอย่างช่างอากาศนี้ ถ้าเก่ามากเล่มหนึ่งไปซื้อที่ กรมช่างอากาศที่สะพานแดง จะตกเล่มละ 25-50 สตางค์ พิมพ์ไม่ผิดครับ เล่มละ 25-50 สตางค์) อ่านนิยายกำลังภายใน (อันนี้เช่าอ่านต้องมีวีระกรรม -หรือกรรม-คือเช่ามาเป็นวันเล่มละ25 สตางค์ต่อวัน และเป็นชุด 20-30 เล่มต้องอ่านให้หมดในวันเดียว บางครั้งอ่านจนถึงเช้า 555...) อ่านสองกุมารสยาม ขรรค์ชัย บุญปาน สุจิตต์ วงษ์เทศ ก็เป็นช่วงใกล้เรียนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและจะได้ทำงานแล้ว
นิราศและกลอนลูกทุ่ง ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 (มิ.ย. 2517 ) ราคา 10 บาท
กูเป็นนิสิตนักศึกษา ฉบับพิมพ์ครั้งแรก (ม.ค. 2512) ราคา 5 บาท


ตอนอยู่ชั้น ม.ศ.4 ม.ศ. 5 ทำหนังสือของโรงเรียนโยธินบูรณะกับเพื่อนๆ ชื่อ "กงจักร" (ตอนนี้เพื่อนซี้ที่เขียนและทำด้วยกัน สองคนลาโลกไปหมดแล้ว) ริจะเป็นนักเขียนกับเขาบ้าง แต่งกาพย์ ฉันท์ โคลง กลอน โต้วาที สารพัด
พอยุคที่ผมเริ่มทำงานเป็นช่วงประชาธิปไดยเบ่งบาน ตอนนี้นอกจากอ่านตามเพื่อนแล้วยังอ่านตามสังคมอีกด้วย อ่านอ่านหนังสือแนวเพื่อชีวิตหลายแบบ

หนังสือชุดนี้มี 8 เล่มแล้วปิดตัวลง เป็นนิตยสารรายเดือน
เริ่มพิมพ์ มี.ค. 18 ฉบับสุดท้าย ต.ค. 18 ราคา เล่มละ 10 บาท
เล่มนี้เป็นเรื่องแปล ฉบับพิมพ์ครั้งแรก
(พ.ค. 21) ราคา 18 บาท
ช่วงขวาพิฆาตซ้ายเอาเผาทิ้งไปเยอะมีเหลือบ้างก็ที่หลบๆ ซ่อนๆ เอาไว้ไม่มาก ช่วงนี้เองก็อ่านนิยายวิทยาศาสตร์ด้วย และยังมีนิยายแบบสยองๆ และแบบสืบสวนสอบสวน รวมทั้งแนวอีโรติกด้วย เอามาอ่านแทนเพื่อชีวิตมันเริ่มหาอ่านยาก รู้สึกมันสะใจดี

คนขายฝัน พิมพ์ครั้งแรก เม.ย. 23 ราคา 25 บาท
วิรบุรุษฯ พิมพ์ปีไหนไม่บอก ราคา 25 บาทเหมือนกัน
ผมย้ายที่ทำงานไปเรื่อยและย้ายบ้านไปเรื่อยตามแม่ เดิมเกิดมาอาศัยเขาอยู่ ต่อมาแม่ได้บ้านเป็นของตัวเองผมก็ย้ายตามแม่ไป แต่ส่วนใหญ่ตัวผมไม่ได้อยู่บ้านอยู่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ (บ้านที่อาศัยเขาอยู่นั้นอยู่ที่ กทม. บ้านที่แม่ย้ายไปอยู่ที่นนทบุรี ตัวผมทำงานต่างจังหวัดตั้งแต่เรียนจบ ย้ายไปหลายจังหวัด อุบลฯ บุรีรัมย์ ลำพูน อุตรดิตถ์ ปทุมธานี กาญจนบุรี ยะลา สุราษฎร์ธานี และสุดท้ายจบที่ลำปาง ปัจจุบันก็อยู่ที่ลำปางนี่เอง) หนังสือส่วนใหญ่เก็บได้บ้างไม่ได้บ้างมีหนังสือหลายชุดที่หอบหิ้วไปไม่ได้
หลังยุคขวาพิฆาตซ้ายแล้วเป็นยุคสังคมพัฒนาผมอ่านหนังสือแนวพัฒนาสังคมหลายแบบอ่านหนังสือของนักพัฒนาเอกชน(NGO) หลายค่าย เริ่มสนใจศาสนา จิตวิทยาและปรัชญา อ่านมันเข้าไป มีอยู่ช่วงหนึ่งสนใจพุทธธรรมก็อ่านและสะสมไว้เยอะจนถ้าเอามาตั้งเรียงกันน่าจะสูงท่วมหัวสองสามเท่า แต่ยังไม่บรรลุธรรม (555...)
พัฒนาชนบทไทยฯ พิมพ์ครั้งแรก พ.ค. 39 ราคา 150 บาท ชุดนี้มี 3 เล่ม เล่มนี้เป็นเล่มที่ 2
แห่งความเข้าใจชีวิตฯ พิมพ์ครั้งแรก มิ.ย. 39 ราคา 178 บาท ตอนนี้ผมมี 2 เล่ม อีกเล่มพิมพ์ครั้งที่ 5 พ.ค. 50

ต่อจากนั้นเข้ายุคโลกาภิวัตน์อ่านหนังสือ แนวเมกาเทรน์ เรื่องของโลกยุคใหม่ องค์กรยุคใหม่ ในช่วงนี้เองได้ทำงานด้านส่งเสริมอาชีพเลยอ่านหนังสือแนวส่งเสริมอาชีพอีก เป็นการอ่านตามความจำเป็นในการทำงาน ความจำเป็นในการทำงานนี้เองทำให้อ่านหนังสือแนวกิจกรรมกลุ่มพัฒนาคุณภาพงาน 5ส. คิวซี ไคเซ็น Six Sigma TQM CWQC VE หนังสือที่อ่านควบคู่ไปคือแนวเกี่ยวกับความคิด และความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ นอกจากแนวนี้แล้วยังมีแนวยุทธศาสตร์ แผนกลยุทธ์ การวางแผน การประเมินโครงการ ต่อมาริอยากเป็นนักวิจัย อ่านหนังสือแนวผลงานการวิจัย สถิติประยุกต์  ตอนนี้หนังสือแนวจิตวิทยา ศาสนา วัฒนธรรมและปรัชา ก็ยังอ่านอยู่นอกจากจะอยากเป็นนักวิจัยแล้วความอยากของคนไม่สิ้นสุด อยากเป็นวิทยากรอีก เอาต้องหาความรู้ อ่านศาสตร์การสอน จิตวิทยาการเป็นวิทยากร ศาสตร์การพูด ศิลปะการนำเสนอ รู้สึกมั่วไปหมด
ช่วงสุดท้ายของการทำงานรับจ้างเขานั้น ผมได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรด้านการจัดการความรู้ ตอนนี้เป็นช่วงที่ลุยอ่านงานแบบว่าการทำกิจกรรมการจัดการความรู้ การทำกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จิตวิทยา ศาสนา ปรัชญา แบบว่าต้องเป็นสหศาสตร์เลย
หลังจากพ้นการงานแล้ว อายุมากแล้ว ไม่มีงานทำแล้ว มาดูหนังสือที่สะสมไว้มันทำไมมากอย่างนี้ คิดดูแล้วนอกจากขอบคุณแม่แล้วต้องขอบคุณบรรดาอาจารย์ทั้งจากโรงเรียน วิทยาลัย มหาลัย และอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชีวิตที่ไม่มีสถาบันแต่มีความรู้มากมาย อาจารย้ทั้งหลายได้ประสิทธิประสาทวิชาความรู้ สร้างแนวคิดและวิธีหาคำตอบ ขอบคุณเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ให้งานและให้ความท้าทายที่จะต้องแสวงหาคำตอบทำให้อ่านมาก ขอบคุณสังคมประเทศนี้ที่เป็นอย่างนี้ทำให้เราต้องแสวงหาที่พึ่งอันประเสริฐคือตนเอง
เมื่อตอนที่ผมย้ายบ้านอีกครั้งหลังจบหน้าที่การงานแล้ว ผมขนหนังสือที่สะสมไว้มายังบ้านใหม่ บ้านไม่ได้ออกแบบเป็นห้องสมุด หนังสือที่สะสมไว้หาที่อยู่ได้บ้างไม่ได้บ้าง ตอนย้ายเอาหนังสือไปห้องสมุดประชาชน เขาไม่รับเขาบอกว่ามีระเบียบอยู่ เข้าใจว่าคงจัดการได้ยากถ้ารับบริจาคไปเรื่อย -อันนี้เข้าใจเอาเอง- เขาบอกให้ไปบริจาคให้เรือนจำ อันนี้ยุ่งยากกับเราเลยทำง่ายๆ พาหนังสือที่ขนมาแล้วไปยังร้านรับซื้อของเก่า เขาให้กิโล ละ 2.50 บาท ย้ำกิโลละ 2.50 บาท ขนไป 97 กิโลกรัม ได้มาสองร้อยก่วาบาท
กลับมาบ้านดูกลอนที่เคยแต่งไว้ (ข้างต้น) โอ้พระเจ้า เราขายมิตรแท้ไปได้นะเนี่ย โลละ 2.50 บาท
ที่เก็บก็ไม่มี อ่านก็ไม่ได้อ่านซ้ำอีก มีบางเล่มที่เก็บไว้อ้างอิงก็เป็นจำนวนน้อย บางเล่มก็เป็น E book ไปแล้ว หาที่อยู่ให้เพื่อนแท้ของเราดีกว่า
เล่มนี้เป็นนิยายที่ชอบมาก สมัย สนพ. โอเลี้ยง 5 แก้ว ของอาจินต์ ปัญจพรรค์
ฉบับพิมพ์ ครั้งแรก มิ.ย. 2511 ราคา 5 บาท (โอเลี้ยงสมัยนั้นราคาแก้วละ 1 บาท)
เรื่องนี้เสนีย์ฯ เขียนในนิตยสาร ปิยะมิตร ตั้งแต่ปี 2504 ในชื่อ ล่องใต้ แต่เขียนไม่จบ
มาจบเมื่อพิมพ์ครั้งนี้ หนังสือ หนา 317 หน้า พิมพ์ราคาพิเศษ เป็นการฉลอง การเปิด
สำนักงานอาจินต์ ปัญจพรรค์ อย่างเป็นทางการ อาจิตน์เล่าว่า เสนีย์ตาบวมเป่ง แต่เขียนจนจบ
สงสัยอย่างเดียวตอนปิดเล่ม อาจินต์ลงวันที่ 29 พ.ย. 11

บรรยายมายืดยาวเพื่อที่จะเข้าเรื่องคือ จะทำโครงการแจกหนังสือที่มีจนกว่าจะหมด หากมีคนอยากได้และเป็นผู้สะสม เขาจะได้นำเพื่อนของผมไปทำประโยชน์ต่อไป
จะเริ่มแจกในเดือนเมษายน 2556 เป็นต้นไป 
หากใครมีคำแนะนำดีๆ โปรดแนะนำด้วย

โครงการแจกเพื่อนแท้ เริ่มในเดือนเมษายน 2556
เล่มที่ 1  - 2- 3-4-6  และ 21 แจกไปแล้ว
เล่มที่รอเจ้าของ
เล่มที่ 5 รายละเอียด
เล่มที่ 7-8 รายละเอียด สองเล่มนี้เข้าข่ายหนังสือสะสมหายาก
เล่มที่ 9-26 รายละเอียด ในนี้มีหนังสือหลายประเภทครับ
เล่มที่ 27-28 รายละเอียด สองเล่มนี้เป็นเรื่อง Six Sigma ครับ