วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

หนังสือคือมิตรแท้


ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 ( พ.ค. 2522 ) ราคา 15 บาท
                                     หนังสือคือมิตรแท้           ของฉัน
                              หลับตื่นมีแต่มัน                     อยู่ใกล้
                              สุขทุกข์สารพัน                      มันให้
                              สบายจิตใจไซร์                     เมื่อได้อ่านมัน
(ทิพย์ พัชน์ศรี)
 ผมอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ต้องขอบคุณแม่มากๆ ที่อ่านหนังสือให้ผมเห็นทำให้ผมอยากอ่านหนังสือ อ่านนิยาย อ่านนิตยสารรายสัปดาห์ ตามที่แม่อ่าน แม่เป็นผู้เรียนหนังสือจบเพียง ป.4 แต่ส่งให้ลูกเรียนจบสูงกว่าแม่ทุกคน
แรกๆ ผมอ่านนิยายตามแม่ อ่านผู้ชนะสิบทิศ อ่านขุนศึกตั้งแต่ยังไม่มีบทจบ แม่อ่านอะไรผมอ่านอันนั้น นิตยสารรายสัปดาห์ผมอ่านบางกอก นิตยสารรายปักษ์ผมอ่านสตรีสาร รายเดือนชาวกรุง(สองอันนี้แม่ไม่ได้ซื้อแต่เจ้านายซื้อเขาอ่านจบแล้วเราจึงได้อ่าน ... แบบว่าเป็นหนังสือล่วงเวลา - เวลาล่วงไปแล้วเราจึงได้อ่าน...)
พอโตมาหน่อยผมเข้าโรงเรียนนอกจากอ่านตามแม่แล้วผมยังอ่านตามเพื่อน อ่านการ์ตูน อ่านเรื่องสั้น อ่านเท่าที่หายืมได้ ช่วงเรียนมัธยมผม อ่านนิตยสารการบิน และช่างอากาศ (อ่านฉบับที่ล่วงเวลาแล้วเหมือนเดิม เพราะอย่างช่างอากาศนี้ ถ้าเก่ามากเล่มหนึ่งไปซื้อที่ กรมช่างอากาศที่สะพานแดง จะตกเล่มละ 25-50 สตางค์ พิมพ์ไม่ผิดครับ เล่มละ 25-50 สตางค์) อ่านนิยายกำลังภายใน (อันนี้เช่าอ่านต้องมีวีระกรรม -หรือกรรม-คือเช่ามาเป็นวันเล่มละ25 สตางค์ต่อวัน และเป็นชุด 20-30 เล่มต้องอ่านให้หมดในวันเดียว บางครั้งอ่านจนถึงเช้า 555...) อ่านสองกุมารสยาม ขรรค์ชัย บุญปาน สุจิตต์ วงษ์เทศ ก็เป็นช่วงใกล้เรียนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและจะได้ทำงานแล้ว
นิราศและกลอนลูกทุ่ง ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 (มิ.ย. 2517 ) ราคา 10 บาท
กูเป็นนิสิตนักศึกษา ฉบับพิมพ์ครั้งแรก (ม.ค. 2512) ราคา 5 บาท


ตอนอยู่ชั้น ม.ศ.4 ม.ศ. 5 ทำหนังสือของโรงเรียนโยธินบูรณะกับเพื่อนๆ ชื่อ "กงจักร" (ตอนนี้เพื่อนซี้ที่เขียนและทำด้วยกัน สองคนลาโลกไปหมดแล้ว) ริจะเป็นนักเขียนกับเขาบ้าง แต่งกาพย์ ฉันท์ โคลง กลอน โต้วาที สารพัด
พอยุคที่ผมเริ่มทำงานเป็นช่วงประชาธิปไดยเบ่งบาน ตอนนี้นอกจากอ่านตามเพื่อนแล้วยังอ่านตามสังคมอีกด้วย อ่านอ่านหนังสือแนวเพื่อชีวิตหลายแบบ

หนังสือชุดนี้มี 8 เล่มแล้วปิดตัวลง เป็นนิตยสารรายเดือน
เริ่มพิมพ์ มี.ค. 18 ฉบับสุดท้าย ต.ค. 18 ราคา เล่มละ 10 บาท
เล่มนี้เป็นเรื่องแปล ฉบับพิมพ์ครั้งแรก
(พ.ค. 21) ราคา 18 บาท
ช่วงขวาพิฆาตซ้ายเอาเผาทิ้งไปเยอะมีเหลือบ้างก็ที่หลบๆ ซ่อนๆ เอาไว้ไม่มาก ช่วงนี้เองก็อ่านนิยายวิทยาศาสตร์ด้วย และยังมีนิยายแบบสยองๆ และแบบสืบสวนสอบสวน รวมทั้งแนวอีโรติกด้วย เอามาอ่านแทนเพื่อชีวิตมันเริ่มหาอ่านยาก รู้สึกมันสะใจดี

คนขายฝัน พิมพ์ครั้งแรก เม.ย. 23 ราคา 25 บาท
วิรบุรุษฯ พิมพ์ปีไหนไม่บอก ราคา 25 บาทเหมือนกัน
ผมย้ายที่ทำงานไปเรื่อยและย้ายบ้านไปเรื่อยตามแม่ เดิมเกิดมาอาศัยเขาอยู่ ต่อมาแม่ได้บ้านเป็นของตัวเองผมก็ย้ายตามแม่ไป แต่ส่วนใหญ่ตัวผมไม่ได้อยู่บ้านอยู่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ (บ้านที่อาศัยเขาอยู่นั้นอยู่ที่ กทม. บ้านที่แม่ย้ายไปอยู่ที่นนทบุรี ตัวผมทำงานต่างจังหวัดตั้งแต่เรียนจบ ย้ายไปหลายจังหวัด อุบลฯ บุรีรัมย์ ลำพูน อุตรดิตถ์ ปทุมธานี กาญจนบุรี ยะลา สุราษฎร์ธานี และสุดท้ายจบที่ลำปาง ปัจจุบันก็อยู่ที่ลำปางนี่เอง) หนังสือส่วนใหญ่เก็บได้บ้างไม่ได้บ้างมีหนังสือหลายชุดที่หอบหิ้วไปไม่ได้
หลังยุคขวาพิฆาตซ้ายแล้วเป็นยุคสังคมพัฒนาผมอ่านหนังสือแนวพัฒนาสังคมหลายแบบอ่านหนังสือของนักพัฒนาเอกชน(NGO) หลายค่าย เริ่มสนใจศาสนา จิตวิทยาและปรัชญา อ่านมันเข้าไป มีอยู่ช่วงหนึ่งสนใจพุทธธรรมก็อ่านและสะสมไว้เยอะจนถ้าเอามาตั้งเรียงกันน่าจะสูงท่วมหัวสองสามเท่า แต่ยังไม่บรรลุธรรม (555...)
พัฒนาชนบทไทยฯ พิมพ์ครั้งแรก พ.ค. 39 ราคา 150 บาท ชุดนี้มี 3 เล่ม เล่มนี้เป็นเล่มที่ 2
แห่งความเข้าใจชีวิตฯ พิมพ์ครั้งแรก มิ.ย. 39 ราคา 178 บาท ตอนนี้ผมมี 2 เล่ม อีกเล่มพิมพ์ครั้งที่ 5 พ.ค. 50

ต่อจากนั้นเข้ายุคโลกาภิวัตน์อ่านหนังสือ แนวเมกาเทรน์ เรื่องของโลกยุคใหม่ องค์กรยุคใหม่ ในช่วงนี้เองได้ทำงานด้านส่งเสริมอาชีพเลยอ่านหนังสือแนวส่งเสริมอาชีพอีก เป็นการอ่านตามความจำเป็นในการทำงาน ความจำเป็นในการทำงานนี้เองทำให้อ่านหนังสือแนวกิจกรรมกลุ่มพัฒนาคุณภาพงาน 5ส. คิวซี ไคเซ็น Six Sigma TQM CWQC VE หนังสือที่อ่านควบคู่ไปคือแนวเกี่ยวกับความคิด และความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ นอกจากแนวนี้แล้วยังมีแนวยุทธศาสตร์ แผนกลยุทธ์ การวางแผน การประเมินโครงการ ต่อมาริอยากเป็นนักวิจัย อ่านหนังสือแนวผลงานการวิจัย สถิติประยุกต์  ตอนนี้หนังสือแนวจิตวิทยา ศาสนา วัฒนธรรมและปรัชา ก็ยังอ่านอยู่นอกจากจะอยากเป็นนักวิจัยแล้วความอยากของคนไม่สิ้นสุด อยากเป็นวิทยากรอีก เอาต้องหาความรู้ อ่านศาสตร์การสอน จิตวิทยาการเป็นวิทยากร ศาสตร์การพูด ศิลปะการนำเสนอ รู้สึกมั่วไปหมด
ช่วงสุดท้ายของการทำงานรับจ้างเขานั้น ผมได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรด้านการจัดการความรู้ ตอนนี้เป็นช่วงที่ลุยอ่านงานแบบว่าการทำกิจกรรมการจัดการความรู้ การทำกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จิตวิทยา ศาสนา ปรัชญา แบบว่าต้องเป็นสหศาสตร์เลย
หลังจากพ้นการงานแล้ว อายุมากแล้ว ไม่มีงานทำแล้ว มาดูหนังสือที่สะสมไว้มันทำไมมากอย่างนี้ คิดดูแล้วนอกจากขอบคุณแม่แล้วต้องขอบคุณบรรดาอาจารย์ทั้งจากโรงเรียน วิทยาลัย มหาลัย และอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชีวิตที่ไม่มีสถาบันแต่มีความรู้มากมาย อาจารย้ทั้งหลายได้ประสิทธิประสาทวิชาความรู้ สร้างแนวคิดและวิธีหาคำตอบ ขอบคุณเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ให้งานและให้ความท้าทายที่จะต้องแสวงหาคำตอบทำให้อ่านมาก ขอบคุณสังคมประเทศนี้ที่เป็นอย่างนี้ทำให้เราต้องแสวงหาที่พึ่งอันประเสริฐคือตนเอง
เมื่อตอนที่ผมย้ายบ้านอีกครั้งหลังจบหน้าที่การงานแล้ว ผมขนหนังสือที่สะสมไว้มายังบ้านใหม่ บ้านไม่ได้ออกแบบเป็นห้องสมุด หนังสือที่สะสมไว้หาที่อยู่ได้บ้างไม่ได้บ้าง ตอนย้ายเอาหนังสือไปห้องสมุดประชาชน เขาไม่รับเขาบอกว่ามีระเบียบอยู่ เข้าใจว่าคงจัดการได้ยากถ้ารับบริจาคไปเรื่อย -อันนี้เข้าใจเอาเอง- เขาบอกให้ไปบริจาคให้เรือนจำ อันนี้ยุ่งยากกับเราเลยทำง่ายๆ พาหนังสือที่ขนมาแล้วไปยังร้านรับซื้อของเก่า เขาให้กิโล ละ 2.50 บาท ย้ำกิโลละ 2.50 บาท ขนไป 97 กิโลกรัม ได้มาสองร้อยก่วาบาท
กลับมาบ้านดูกลอนที่เคยแต่งไว้ (ข้างต้น) โอ้พระเจ้า เราขายมิตรแท้ไปได้นะเนี่ย โลละ 2.50 บาท
ที่เก็บก็ไม่มี อ่านก็ไม่ได้อ่านซ้ำอีก มีบางเล่มที่เก็บไว้อ้างอิงก็เป็นจำนวนน้อย บางเล่มก็เป็น E book ไปแล้ว หาที่อยู่ให้เพื่อนแท้ของเราดีกว่า
เล่มนี้เป็นนิยายที่ชอบมาก สมัย สนพ. โอเลี้ยง 5 แก้ว ของอาจินต์ ปัญจพรรค์
ฉบับพิมพ์ ครั้งแรก มิ.ย. 2511 ราคา 5 บาท (โอเลี้ยงสมัยนั้นราคาแก้วละ 1 บาท)
เรื่องนี้เสนีย์ฯ เขียนในนิตยสาร ปิยะมิตร ตั้งแต่ปี 2504 ในชื่อ ล่องใต้ แต่เขียนไม่จบ
มาจบเมื่อพิมพ์ครั้งนี้ หนังสือ หนา 317 หน้า พิมพ์ราคาพิเศษ เป็นการฉลอง การเปิด
สำนักงานอาจินต์ ปัญจพรรค์ อย่างเป็นทางการ อาจิตน์เล่าว่า เสนีย์ตาบวมเป่ง แต่เขียนจนจบ
สงสัยอย่างเดียวตอนปิดเล่ม อาจินต์ลงวันที่ 29 พ.ย. 11

บรรยายมายืดยาวเพื่อที่จะเข้าเรื่องคือ จะทำโครงการแจกหนังสือที่มีจนกว่าจะหมด หากมีคนอยากได้และเป็นผู้สะสม เขาจะได้นำเพื่อนของผมไปทำประโยชน์ต่อไป
จะเริ่มแจกในเดือนเมษายน 2556 เป็นต้นไป 
หากใครมีคำแนะนำดีๆ โปรดแนะนำด้วย

โครงการแจกเพื่อนแท้ เริ่มในเดือนเมษายน 2556
เล่มที่ 1  - 2- 3-4-6  และ 21 แจกไปแล้ว
เล่มที่รอเจ้าของ
เล่มที่ 5 รายละเอียด
เล่มที่ 7-8 รายละเอียด สองเล่มนี้เข้าข่ายหนังสือสะสมหายาก
เล่มที่ 9-26 รายละเอียด ในนี้มีหนังสือหลายประเภทครับ
เล่มที่ 27-28 รายละเอียด สองเล่มนี้เป็นเรื่อง Six Sigma ครับ



วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

ไม้ใกล้ฝั่ง


สุดทางไม่ยาวไกล
มีหัวใจที่อดทน
ปิดปากไม่พร่ำบน
สู้ผจญด้วยตัวเรา


วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

การดำรงอยู่อย่างมีความหมาย


ชีวิตที่เกิดขึ้นมานั้น ทุกชีวิตเป็นหนึ่งเดียวในจักรวาล ไม่มีใครเหมือนไม่เหมือนใคร ป่วยการที่จะเปรียบเทียบชีวิตหนึ่งกับอีกชีวิตหนึ่ง หรือชีวิตหนึ่งกับอีกหลายชีวิต หลายชีวิตกับชีวิตหนึ่ง หลายชีวิตกับอีกหลายชีวิต
โปรดจงเชื่อว่าชีวิตนั้นมีศักยภาพอันบริสุทธ์ที่จะบรรลุเจตจำนงของชีวิตนั้นๆ ด้วยศักยภาพบริสุทธ์ที่ปราศจากความกลัว มีความรักดำรงอยู่อย่างมั่นคงไร้สิ่งรบกวนท่ามกลางความเคลื่อนไหวและหยุดนิ่งของสรรพสิ่ง ให้และรับแลกเปลี่ยนพลังงานและข้อมูลซึ่งกันและกัน ให้ให้ให้ เป็นเจตจำนงของชีวิตที่สร้างการกระทำทุกขณะปัจจุบันเป็นเหตุแห่งความทรงจำในอดีตและปรารถนาในอนาคต ยอมรับปัจจุบัน สร้างความสุขให้ชีวิตรอบข้างด้วยการเลือกอย่างมีสติ เชื่อมั่นในปัญญาแห่งความเมตตาของธรรมชาติ ที่ไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆ สิ่งต่างๆ บังเกิดขึ้นอย่างนั้นเองปราศจากความพยายามก็ไร้การต่อต้าน ทั้งหมดดำเนินไปด้วยความรับผิดชอบไม่ปกป้องความคิดตน รับความคิดเห็นอื่นๆ ได้ มองภาพรวมทั้งหมดแล้วมุ่งไปในทิศทางแห่งความเจริญ ด้วยความตั้งใจ ไม่ยึดในผล ไม่จำเป็นต้องได้ มีเป้าหมายชัดเจน
ด้วยศักยภาพอันบริสุทธ์ จิตที่ใฝ่ให้ด้วยปัญญาแห่งความเมตตา เลือกดำเนินไปอย่างมีสติ บนการกระทำที่ใช้ความพยายามน้อย เชื่อม้่นในธรรมชาติมุ่งมั่น แต่ไม่ได้หวังผล เราจึงใช้ศักยภาพได้ถึงจุดสูงสุดดำรงอยู่อย่างมีความหมาย