วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2559

ชนชั้น


เหยียดคนจนบนบัตรทอง โดย ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451897138
"โปรดเลิกเอาเรื่องการเสียภาษีไปทวงบุญคุณกับใครต่อใครกันอย่างหยาบคาย"
 เราอยู่บนการหยามเหยียดและชนชั้นมานานมาก นานตั้งแต่ก่อนผมเกิด(2559 : 64 ปี) ประสบการณ์ตรงคือเป็นลูกคนรับใช้ในบ้านคนรวย คนจนอย่างเราต้องทำทุกอย่างเพื่อจะอยู่รอด ปี 2498  ผมอายุ 3 ขวบ แม่(เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวสมัยนี้)เป็นคนรับใช้ในบ้านคนรวยที่มีความเป็นญาติกันด้วย เราเรียกเจ้านายว่าคุณป้า คุณลุง นับญาติกับคนรวยแต่เราเป็นคนรับใช้ ผมจำความไม่ได้มากนักในวัยเด็ก และแม่ก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังมากด้วย แล้วผมก็ไม่เคยถาม 
คุณป้า คุณลุงมีลูก 3 คน เกิดไล่เรี่ยกัน และมีผมมาคั่นให้ครบด้วยเราเกิดเรียงกันตั้งแต่ปี 2493 2494 2495 และ 2496 แม่เล่าให้ฟังว่าตอนผมเด็กแม่เคยจะลาออกแต่คุณป้าบอกว่าจะส่งเสียให้ได้เรียนโรงเรียนเดียวกับลูกเขา แม่เลยอยู่ต่อ ที่บ้านนี้รวยมากคุณป้าเป็นหมอที่ีชีื่อเสียงอยู่โรงพยาบาลเอกชน คุณลุงเป็นข้าราชการระดับสูง(ตำแหน่งสุดท้ายปลัดกระทรวง หลังเกษียณแล้วยังเป็นข้าราชการการเมืองตำแห่งรัฐมนตรีช่วยฯ)
ตอนเด็กได้เล่นสนุกกับลูกคนรวย และลูกฝรั่งที่มาเช่าบ้านคุณป้าคุณลุงอยู่ ได้เรียนหนังสือโรงเรียนลูกคนรวย(โรงเรียนเอกชน) ได้นั่งรถเก๋งที่คุณป้าขับไปส่งทุกวัน (ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปส่งผม แต่ส่งลูกเค้าแล้วผมติดรถไป ก่อนนั่นทุกวันผมก็เป็นคนล้างรถเช็ดรถคันนั้นและอีกหลายคันในบ้าน นอกจากการรถน้ำต้นไม้ กวาดบ้านถูบ้าน ทำสวนในวันเสาร์อาทิตย์ พอโตขึ้นมาหน่อยก็ซ่อมสาระพัดซ่อมในบ้าน เป็นทั้งช่างไม้ ช่างปูน ช่างไฟ ช่างประปา สาระพัดช่าง) พอจบประถมแม่บอกให้ไปสอบเข้าเรียนโรงเรียนรัฐ ผมสอบเข้าเรียนโรงเรียนไม่ดังมากแต่ดังพอที่อาจารย์ใหญ่เข้ากรมจะเป็นอธิบดีได้ แม่บอกว่าค่าเล่าเรียน(ปีละ 400 บาท)แม่ออกเองแม้คุณป้าต้องการจะออกให้ รวมทั้งค่าเสื้อผ้าและอะไรต่างๆ ไม่ต้องการให้คุณป้าออกให้ แม่แอบกระซิบว่าไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณ มากไปกว่านั้นแม่ไม่ต้องการให้ผมเป็นทาสในเรือนเบี้ยต่อไป
ผมออกจากบ้านนั้นไปทำงานต่างจังหวัดเมื่ออายุ 20 ปี และต่อจากนั้นอีกห้าปีแม่ก็ย้ายออกมาอยู่เองมาเผชิญชีวิตเอง(แม่แต่งงานใหม่และมีลูกอีกสี่คน)
ผมไม่เคยกลับไปที่บ้านนั้นเลยหลังจากแม่ย้ายออกมา และไม่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณด้วย ระหว่างที่อยู่ผมทำงานให้ไม่ได้รับค่าจ้างค่าออน เป็นทาสติดเรือนแต่แม่ไม่ยอมให้น้องๆ ต้องลำบากเหมือนผมแม่พยายามกันไว้ ผมเรียนประถม 6 ปี (สมัยนั้นมีชั้นประถม 7 แต่ผมเรียน 6 ปี) ผมทำงานฟรีมากอีก มากกว่า 12 ปีกว่าจะออกจากบ้านนั้นมา( บ้านที่ผมทำงานอยู่ต่างจังหวัดเมื่อกลับไปต้องไปซ่อมรั้ว ) ถ้าเป็นการรับทุนผมใช้ทุนตามเงื่อนไขแล้ว ผมไม่ค่อยติดเรื่องหนี้บุญคุณเท่าไร ทุนราชการใช้หนี้เวลาสองเท่า แต่ยังได้รับเงินเดือน ผมใช้หนี้เวลาสองเท่าและทำบุญให้กับคนรวยด้วยแรงงานอีก 12 ปี ผมไม่เคยเป็นลูกหนี้ และเจ้าหนี้ หนี้เก่าชดใช้แล้ว มีแต่บุญที่ไม่เคยทวง
บุญคุณที่เป็นอาวุธของชนชั้นสูง ใช้ทวงเอากับคนชั้นต่ำอย่างเรา เป็นสิ่งที่ตราไว้เป็นสิทธิ์ที่คนรวยสร้างด้วยการกล่าวอ้างสนับสนุนด้วยศาสนาที่สร้างชนชั้นอันไม่รื้อถอน (ศาสนาที่แก่งแย่งกันเป็นใหญ่ใช่การละชนชั้นแต่สร้างชนชัน) บุญคุณที่จะกดทับและเป็นเครื่องมือในสงครามชนชั้น
บุญคุณที่ปัจจุบันคนที่พยายามไต่ชนชั้นใช้มากกว่าชนชั้นสูงเสียอีก
บุญคุณที่ถูกอ้างไม่มีจริงสิ่งปลูกสร้างเดิมต้องรื้อถอนก่อนปลูกสิ่งใหม่
เลิกอ้างบุญคุณที่ไม่มีจริงเถอะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น