วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ความกลัว ความจริง ความเป็นไป

3 กันยายน 2555 ผม อยู่ที่โรงพยาบาลสุรศักดิ์มนตรี อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง ผมมาผ่าตัดใส้เลื่อนเป็นคนไข้ใน ผมผ่าแล้วสองครั้งในเวลาติดต่อกัน เพราะเมื่อผ่าครั้งแรกแล้วกลับไปบ้านใส้ยังคงเลื่อนลงมาอีก ผมไม่ได้วิตกกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกับการเผชิญกับเหตุการณ์ทั้งหลาย ผมมีความเป็นปกติ สิ่งใตจะเกิดมันก็ต้องเกิดขึ้น
เมื่อเช้าวันนนี้ ผมอยู่คนเดียวหลังจากรับประทานอาหารกับภรรยาแล้วเสร็จ เธอกลับบ้าน ก่อนไปเธอโกรธที่ผมไม่ได้ปิดแอร์ ก่อนหน้านี้เธอไม่โกรธแต่พอนางพยาบาลได้ถามว่าเช้านี้พักแอร์แล้วหรือยัง เธอมีอาการไม่ชอบและนำไปสู่ความโกรธ ผมนิ่งเป็นปกติที่จะนิ่งเมื่อเธอโกรธ เหตุการณ์ผ่านไป
ผมไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากนั้นผมได้สนทนากับน้องอีกสองสามคน ในสองสามเรื่อง
คนแรกโทรมาทักทายเพราะรู้ว่าผมมานอนโรงพยาบาล
คนที่สองโทรมาต่อว่าว่าทำไมไม่บอก เพราะได้สั่งไว้แล้วว่าให้บอก นอกจากนั้นยังเชิญผมไปร่วมงานเลี้ยงส่งในวาระเกษียณ
คนที่สามโทรมาบอกว่าน้องต่างมารดากินยาฆ่าตัวตายและขณะนี้พาไปล้างท้อง ปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดีกับความไม่ดีในตัวเธอ เขาไม่รู้ว่าผมอยู่โรงพยาบาล
อ้อในช่วงก่อนหน้าน้องๆ โทรมานั้น มีธนาคารเจ้าหนี้โทรมาทวงหนี้
ผมมาพิจารณาตัวเองแล้วว่าทุกวันนี้ผมดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางความกลัว ความกลัวที่ความจริงบางประการจะทำร้ายผู้คนที่เกี่ยวข้อง ผมจึงห่างจากความจริงที่จะบอกพวกเขาเหล่านั้น วามจริงของสรรพสิ่งเพราะผมคิดเอาเองว่าเขารับไม่ได้ บางครั้งในเวลาที่ผ่านมาผมปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเหตุการณ์เข้าสู่สถานะการณ์คับขันจึงต้องใช้แรง่มหาศาลในการจะผ่านพ้นแต่ละสถานการณ์ออกไปได้
ความกล้วเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก ทำให้ให้คนเราแม้ไม่โกหก ก็เลี่ยงที่จะพูดถึงความเป็นจริง เพราะเรากลัวผลของมันโหดร้ายต่อผู้อื่น
ผมจะต้องสร้างความเป็นไปให้สอดคล้องกับความจริงโดยความไม่กลัวได้อย่างไร
ผมเป็นผู้สร้างเงื่อนไขต่างๆขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง ผมมีความเป็นมาที่สร้างเงื่อนไขมาโดยตลอด เงื่อนไขที่ทำให้ความเป็นจริงมีระยะห่างมาโดยตลอด
เช่น เมื่อมาอยู่โรงพยาบาลผมไม่ต้องการให้ใครมาเยี่ยมเพราะความกลัวภรรยาไม่พอใจ ความกลัวนี้ผมสร้างขึ้นเป็นเงื่อนไขในการจัดวางความสัมพันธ์ ที่ผมคิดว่าเหมาะสม แต่ที่จริงไม่ใช่ไม่เป็นเช่นนั้น
เราไม่อาจประมาณได้ว่าผู้อื่นจะมีความรู้สึกเช่นใด หากสัมผัสของเราดีมากพอและเปิดมากพอเราอาจพบว่า เขาที่เราประมาณนั้นไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะแม้บางครั้งเขาเป็นคนบอกเองแต่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งที่รู้สึกก็ผันแปรตามไปด้วย
เราไม่ควรบังคับ กะเกณฑ์ กำหนด หรือจัดวาง เราควรจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น เพราะมันจะเป็นอยู่เช่นนั้น และไม่เป็นไปตามที่เราปรารถนา
สรรพสิ่งดำรงอยู่ด้วยความเป็นปัจจเจกท่ามกลางสมุหะ ที่ปะทะสังสรรค์กันตลอดเวลา
เพียงรู้จักดำรงอยู่อย่างเข้าใจจะได้ไม่สร้างกรรมใหม่
จบข้อเขียนวันที่ 4 กันยายน 2555 เวลา 16.37 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น